ออกแล้ว ผลตรวจ นร.ประถมใกล้โรงหลอมซีเซียม-137 หลังล้มป่วยพร้อมกัน 30 คน

ออกแล้ว ผลตรวจน้องๆ นร.ประถมใกล้โรงหลอมซีเซียม-137  หลังล้มป่วยพร้อมกัน 30 คน : หลังจากที่ ซีเซียม-137 วัตถุกัมมันตรังสี ที่สูญหายไปจากโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งใน นิคมอุตสาหกรรม 304 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ ปราจีนบุรี ถูกพบที่โรงหลอมเหล็กในกบินทร์บุรี ก่อนจะตรวจสอบเจออีกว่าถูกบดและหลอมไปแล้ว ทำให้ต้องจับตาสุขภาพประชาชนบริเวณโดยรอบ เนื่องจากหวั่นได้รับผลกระทบทางสุขภาพในระยะยาว

 

 

ต่อมามีรายงานว่า พบนักเรียนป่วย 30 คน รอบโรงงานหลอมเหล็กที่หลอมซีเซียม-137 ล่าสุด นพ.สุเทพ เพชรมาก ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เขตสุขภาพที่ 6 กล่าวถึงความคืบหน้าการเฝ้าระวังและดูแลสุขภาพผู้ที่มีความเสี่ยงสัมผัสกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ว่า 

 

ได้รับรายงานจาก นพ.สุรินทร์ สืบซึ้ง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) ปราจีนบุรี ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข จ.ปราจีนบุรี ถึงกรณีเด็กนักเรียน ร.ร.บ้านโคกกระท้อน หมู่ 10 ต.ลาดตะเคียน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นโรงเรียนระดับประถมศึกษา ตั้งอยู่ห่างจากโรงหลอมเหล็ก ประมาณ 3 กิโลเมตร 

 

ทยอยมีอาการป่วยตั้งแต่วันที่ 21-24 มี.ค.2566 รวม 30 คน ได้ให้ทีมแพทย์ พยาบาล รพ.กบินทร์บุรี และประสานงานกับ อบจ.ปราจีนบุรี จัดทีมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจาก รพ.สต.ในพื้นที่ เข้าร่วมประเมินอาการและให้การรักษาแล้ว

 

สำหรับผลการตรวจเด็กนักเรียนทั้ง 30 คน ไม่พบการติดเชื้อโควิด-19 มีอาการของโรคระบบทางเดินหายใจ 23 คน ส่วนใหญ่มีไข้ ไอ เจ็บคอ และมีน้ำมูก บางรายมีผื่นแดง ตาแดง ที่เหลืออีก 7 คน ไม่มีอาการใดๆ จึงได้ให้ยารักษาตามอาการ และเจาะเลือดเพื่อตรวจโลหิต จำนวน 13 คน พบว่า ผลเลือดปกติ

"กรณีดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องกับการได้รับผลกระทบจากซีเซียม-137 แต่อย่างใด คาดว่ามาจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ ซึ่งสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 (สคร.) จ.ชลบุรี ได้เข้าดำเนินการสอบสวนโรคเพื่อหาสาเหตุแล้ว" นพ.สุเทพกล่าว

ทั้งนี้ นพ.สุเทพ ยังกล่าวอีกว่า สสจ.ปราจีนบุรี จะเฝ้าระวังสุขภาพและติดตามอาการอย่างใกล้ชิดต่อไป โดยอาการที่พบจากการได้รับรังสี เช่น ผิวหนังเป็นแผล คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ ท้องเสีย หากประชาชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงโรงหลอมเหล็ก มีข้อสงสัยหรือวิตกกังวล สามารถเข้ารับการปรึกษาได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน หรือติดต่อสายด่วน 1422 ของกรมควบคุมโรค