เจ้าอาวาสวัดคันเดวิหาร ลั่นต้องส่งพลายศักดิ์สุรินทร์กลับ หลังรักษาเสร็จ

จากกรณีที่ พลายศักดิ์สุรินทร์ ช้างเพศผู้วัย 30 ปี ซึ่งเป็นช้างไทย 1 ใน 3 เชือกที่รัฐบาลไทยมอบให้ทูตสันถวไมตรีกับรัฐบาลศรีลังกาตั้งแต่ปี 2544  ซึ่งทางรัฐบาลศรีลังกา ได้มอบพลายศักดิ์สุรินทร์ต่อให้แก่วัดคันเดวิหาร (Kande Vihara) เป็นผู้รับช่วงดูแลต่อ เพื่อให้ทำหน้าที่ในขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุในงานแห่พระธาตุประจำปีของศรีลังกา 

 

พลายศักดิ์สุรินทร์ ได้เดินทางกลับสู่อ้อมกอดประเทศไทยอีกครั้งหลังทำหน้าที่เป็นทูตสันถวไมตรีนานถึง 22 ปี โดยถูกใช้งานอย่างหนักด้วยการเดินในขบวนแห่กว่าเดือนละ 30 ครั้ง จนขาซ้ายด้านหน้างอเข่าไม่ได้ และมีฝีขนาดใหญ่ด้านหลังทั้งสองแห่ง ทำให้มีปัญหาด้านสุขภาพมานานกว่า 10 ปี และไม่มีการรักษาอย่างเหมาะสม ทางไทยจึงต้องทำเรื่องเพื่อขอรับตัวพลายศักดิ์สุรินทร์ กลับมารักษาที่ประเทศไทย จนกระทั่งเมื่อวันที่ 2 ก.ค. 2566 เมื่อช่วงเวลา 14.30 น. พลายศักดิ์สุรินทร์ ได้เดินทางกลับสู่อ้อมกอดประเทศไทยแล้วอย่างสวัสดิภาพ ท่ามกลางความดีใจของชาวไทยทั้งประเทศ

หลังจากนั้นได้มีการเคลื่อนย้ายพลายศักดิ์สุรินทร์ ไปรักษาอาการบาดเจ็บ ที่สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ (ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย) องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ จ.ลำปาง โดยได้ให้พลายศักดิ์สุรินทร์ ไปอยู่ในพื้นที่กักตัวและสังเกตอาการเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 30 วัน ภายใต้ระเบียบการควบคุมโรคระบาดสัตว์ กรมปศุสัตว์ เพื่อป้องกันโรคติดต่อบางชนิด และได้ปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมที่จากไปนานกว่า 20 ปี

 

อย่างไรก็ตาม มีรายงานจาก บีบีซีภาคภาษาสิงหลในศรีลังกา เปิดเผยว่า เจ้าอาวาสวัดคันเดวิหาร ซึ่งเป็นผู้ดูแลและเจ้าของกรรมสิทธิ์ในตัวพลายศักดิ์สุรินทร์ ระบุว่า ที่ยอมส่งพลายศักดิ์สุรินทร์ไปรักษา เป็นไปตามข้อตกลงและคำสัญญาว่าช้างจะถูกส่งไปไทย และเมื่อรักษาเสร็จก็ส่งกลับศรีลังกา โดยไทยออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด

ขณะเดียวกันเรื่องนี้ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยังไม่ตอบประเด็นดังกล่าวเนื่องจากต้องดูอาการบาดเจ็บของพลายศักดิ์สุรินทร์ก่อน ว่าเรื้อรังเพียงใด หรือสามารถรักษาให้หายได้ 100% หรือไม่

 

 

 

ขอบคุณภาพ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช