- 15 ก.ค. 2566
หมอพรทิพย์ ประณามด้อมส้มคุกคามครอบครัว ส.ว. ซัดก้าวร้าว ต่ำตม นี่หรือคือคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นประชาธิปไตย จะนำพาประเทศไปสู่ความเจริญ กลับใช้วิธีสกปรก
หมอพรทิพย์ เคลื่อนไหวล่าสุดประณามด้อมส้ม โดย แพทหญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์ผ่านโลกออนไลน์ ประณามด้อมส้มคุกคามครอบครัว ส.ว. ซัดก้าวร้าว ต่ำตม พร้อมท้ามาถล่มเลยจะเอาไว้ไปดำเนินการ นี่หรือคือคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นประชาธิปไตย จะนำพาประเทศไปสู่ความเจริญ กลับใช้วิธีสกปรก สร้างความแตกแยกมากกว่าความเจริญ
ขอประนามขบวนการด้อมส้มและอวตารที่ไปราวีตามสื่อของสมาชิกวุฒิสภาและครอบครัว รวมทั้งผู้เห็นต่าง เดิมทีก็มีขบวนการเช่นนี้ในสื่อโซเชียลมานานแล้ว แต่หลังการโหวตนายก ก็มีขบวนการนี้เข้ากระหน่ำอย่างถี่ด้วยวาจาที่ก้าวร้าว ต่ำตม หลังเลือกตั้งถึงขนาดสร้างเฟซบุ๊คปลอมของหมอแล้วนำเอาโพสต์ที่ด่าก้าวไกลมาลงแบบที่เรียกได้ว่าเรียกแขก ในส่วนของการบูลลี่หมอมักใช้วิธีผ่านไป บล็อคได้ก็บล็อค ส่วนเฟสปลอมไม่สามารถจัดการใดๆได้ด้วยขบวนการของรัฐ มาวันนี้ขบวนการเลวร้ายนี้กำลังกระจายไปยังสวและครอบครัวจำนวนมาก
ที่น่าสนใจคือการได้พูดคุยปัญหานี้กับตัวแทนของพรรคก้าวไกลที่ส่งมาคุยเพื่อให้โหวตให้พิธา เพราะหมอเชื่อว่าคนที่ทำคือด้อมส้ม และอวตารที่War roomส่งมา คำตอบของตัวแทนพรรคคือเขาก็ไม่เห็นด้วย ไม่รู้จะจัดการอย่างไร
นี่หรือคือคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นประชาธิปไตย จะนำพาประเทศไปสู่ความเจริญ กลับใช้วิธีสกปรก รุกรานผู้เห็นต่าง ลามปามไปยังคนรอบข้าง ถ้าอยากเป็นนายกแต่ไม่ห้ามหรือไม่สามารถจัดการได้ ก็อย่าอาสามาทำงานให้ประชาชนเลย เพราะนี่คือการสร้างความแตกแยกมากกว่าการสร้างความเจริญ
ถล่มมาเลยนะเพราะจะบันทึกไว้ดำเนินการ
ซึ่งก่อนหน้านี้ หมอพรทิพย์ ก็โพสต์ภาพระหว่างอยู่ในการประชุมสภา ว่า ที่สุดก็ไม่มีคำอธิบายว่าทำไมต้องแก้มาตรา112 แต่ยิ่งชัดเจนว่า ยืนยันจะแก้ไขแน่นอน ที่สำคัญพรรคต่างๆที่ทำข้อตกลงร่วมกันก็ยอมให้พรรคก้าวไกลเสนอแก้มาตรา112ได้ การเมืองไทยเป็นเช่นนี้ หมอจึงได้คำตอบว่าปิดสวิชตามหลักการเดิม และปิดตลอดไปจนกว่าจะหมดวาระ
หลักการของประชาธิปไตย คือการเลือกตั้งให้ได้พรรคการเมืองมาบริหารบ้านเมืองให้สังคมมีความยุติธรรม คำนึงเรื่องสิทธิมนุษยชน ความเท่าเทียม ความเป็นมนุษย์ ไม่ใช่การดำเนินการตามนโยบายของพรรคที่ได้เสียงสนับสนุนหรือเสียงข้างมากเป็นหลักแม้นโยบายจะทำลายชาติ
การเลือกตั้งในครั้งนี้มีการกระทำที่ขัดหลักการประชาธิปไตยในประเด็นสำคัญคือการห้ามผู้สมัครใช้อำนาจผ่านสื่อที่ตัวเองเป็นเจ้าของหรือมีหุ้นเอาเปรียบพรรคอื่นๆ เพียงแต่กฎหมายไทยไม่ได้แก้ไขให้ทันสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป การชนะในครั้งนี้คือการใช้สื่อโซเชี่ยล ปลุกระดม ให้ข้อมูลเท็จบ้างจริงบ้างและให้ใช้สื่อละเมิดผู้อื่นที่เรียกว่าด้อม บุลลี่ ตามด่า รวมทั้งการสร้างอวตารเข้าทำอันตรายในทุกช่องทางสื่อสารส่วนตัวด้วยเพราะตัวบทกฎหมายตามไม่ทัน จนกลายเป็นการสร้างความขัดแย้งรุนแรงและแสดงถึงการไม่ยอมรับความเห็นต่าง
รัฐธรรมนูญเป็นบทบัญญัติที่มนุษย์ร่วมกันตกลงเขียนขึ้นไม่ใช่หลักธรรมะ จึงอาจเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแล้วแต่มนุษย์จะตกลง และรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ได้มาตามครรลองประชาธิปไตยคือผ่านการลงประชามติ การทำหน้าที่ของสวจึงเป็นไปตามบทบาทที่กำหนด
ประเด็นสำคัญที่สวติดใจคือการขอแก้ไขมาตรา112ซึ่ง จากการหาเสียงมีแนวทางที่กระทบสถาบันพระมหากษัตริย์ กลุ่มที่สนับสนุนสมาชิกที่ได้รับเลือกตั้งล้วนแสดงกิริยาให้ร้ายต่อสถาบัน มีการสนับสนุนให้หมิ่นประมาทตั้งแต่สถาบันพระมหาษัตริย์ไปจนถึงประชาชนคนธรรมดาแปลกที่ว่าที่นายก ไม่ตอบ ไม่อธิบาย แต่ตอบว่าต้องรักษาคำพูด ทั้งๆชี้แจงว่าเขาเป็นผู้นำที่รู้จักรุกและถอย แต่เรื่องนี้ไม่ตอบไม่อธิบายรายละเอียดใดๆ และไม่ยอมถอย
สิ่งสำคัญที่สุดคือหน้าที่ของทุกคนรวมทั้งสวคือหน้าที่รักษาชาติ หากอ้างประชาธิปไตย อ้างเสียงสนับสนุน14ล้านเสียง ว่าต้องรักษาประชาธิปไตยแต่ชาติจะล่มสลาย คงไม่สามารถปล่อยได้