- 30 ส.ค. 2566
"อ.เจษฎ์" รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ เตือน หมึกสายวงน้ำเงิน หรือ หมึกบลูริง ดูให้ดี อย่ากินเด็ดขาด อันตรายถึงชีวิต
"อ.เจษฎ์" รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ได้ออกมาให้ข้อความ เตือนเรื่อง หมึกสายวงน้ำเงิน หรือ หมึกบลูริง โดยได้ระบุข้อความว่า
อ.เจษฎ์ เตือน เจอหมึกตามรูปดังกล่าว ดูดี ๆ อย่ากินเด็ดขาด ถึงขั้นเสียชีวิต
"หมึกสายวงน้ำเงิน ห้ามนำมารับประทานนะครับ แม้จะทำให้สุกก็ตาม"
เมื่อวานนี้ มีคนนำภาพของปลาหมึกในอาหาร มาโพสต์ถามในกลุ่ม FB ด้วยความที่เขาสงสัยว่าเป็น "หมึกบลูริง" หรือเปล่า
และคำตอบก็ออกมาค่อนข้างเป็นเอกฉันท์นะครับ ว่าเจ้านี่น่าจะเป็น "หมึกบลูริง หรือหมึกสายวงน้ำเงิน" สายพันธุ์หนึ่งของปลาหมึกที่มีพิษร้ายแรงมาก พบได้ในประเทศไทย
วิธีสังเกตก็คือ มันเป็นหมึกสาย รูปทรงแบบเดียวกับปลาหมึกยักษ์ตัวเล็กๆ หัวโตๆ หนวดเยอะๆ มีลวดลายรูปวงแหวนอยู่ทั่วไป ทั้งที่ตัวและหนวด ... ซึงจะแตกต่างกับพวกหมึกสายอิ๊กคิว ที่มีวงแหวนแค่ 1-2 วงที่ตัว อันนั้นไม่มีพิษ สามารถนำมาทานได้
ต่อมพิษของหมึกบลูริงจะอยู่ที่ปาก ไม่ได้กระจายทั่วไปตามลําตัว ผู้ที่ได้รับพิษนั้นจึงมักเกิดจากการถูกมันกัด ไม่ใช่จากการสัมผัสโดนตัว .. แต่ก็ไม่ควรรับประทานเข้าไปอยู่ดี เพราะอาจเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายได้ แม้จะเอาไปทำให้สุกก็ตาม เพราะสารพิษในตัวมันก็ทนความร้อนสูงได้ถึง 200 องศาเซลเซียส !
พิษของหมึกบลูริงหรือหมึกสายสีน้ำเงินมีชื่อว่า Maculotoxin (มาคูโลทอกซิน) ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับพิษของปลาปักเป้าที่มีชื่อว่า Tetrodotoxin (เทโทรโดทอกซิน) สามารถพบพิษนี้ได้ในต่อมน้ำลาย (Salivary gland) ปาก หนวด ลำไส้ และต่อมหมึก พิษชนิดนี้จะทำลายระบบประสาททำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ และทำให้เหยื่อตายหรือเป็นอัมพาต
ผู้ที่ถูกหมึกบลูริงกัดเปรียบเหมือนการฉีดยาพิษเข้าเส้นเลือดโดยตรง โดยพิษจะออกฤทธิ์อย่างรวดเร็ว และเร็วกว่าพิษจากปลาปักเป้า
อาการเริ่มแรกของผู้ที่ถูกกัดหรือกินหมึกบลูริงเข้าไปจะมีอาการคลื่นไส้ ตาพร่าเลือน มองไม่เห็น ประสาทสัมผัสไม่ทำงาน พูดหรือกลืนน้ำลายไม่ได้ จากนั้นจะเป็นอัมพาตและหยุดหายใจเนื่องจากสมองขาดออกซิเจน หากไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีจะทำให้ตายในที่สุด
อ.เจษฎ์ เตือน เจอหมึกตามรูปดังกล่าว ดูดี ๆ อย่ากินเด็ดขาด ถึงขั้นเสียชีวิต