- 05 ก.ย. 2566
ชวนตะลึง! "หมอหมู วีระศักดิ์" แจงเคสผ่าชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต พบสารจากใบกระท่อม ในเด็กอายุ 1 ขวบ เกิดขึ้นได้อย่างไร?
"หมอหมู" แจงพบสารจากใบกระท่อม ในเด็กอายุ 1 ขวบ เกิดขึ้นได้อย่างไร? : การกรณีที่ รศ.นพ. วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี หรือ หมอหมู อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว.) ได้โพสต์เคสศึกษาผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว หลังจากที่ได้รับมอบหมายให้ผ่าชันสูตร เด็กอายุประมาณ 1 ขวบที่เสียชีวิต ซึ่งสภาพร่างกายมีบาดแผลฟกช้ำบริเวณหน้าท้องจำนวนหลายบาดแผล
และเมื่อ หมอหมู ได้ทำการผ่าชันสูตรจึงพบอีกว่า "เด็ก 1 ขวบรายนี้มีเลือดออกในช่องท้องปริมาณมาก ซึ่งเกิดจากการฉีกขาดของเยื่อแขวนลำไส้ และเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต พร้อมกันนี้ หมอหมู ยังได้ทำการส่งตรวจเลือดหายาและสารพิษ ก่อนที่ผลออกมาปรากฏว่า พบสาร "Mitragynine" ซึ่งเป็นสารที่พบอยู่ในใบกระท่อมในตัวของเด็ก
ล่าสุด หมอหมู วีระศักดิ์ ได้ให้สัมภาษณ์กับ ทีมข่าว"ไทยนิวส์" เพื่ออธิบายเรื่องราวดังกล่าวที่เกิดขึ้นเพิ่มเติมว่า เรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจส่งร่างเด็กมาให้ชันสูตร ซึ่งหลังจากผ่าชันสูตรพบว่า น้องถูกทำร้ายกระทั่ง เยื่อแขวนลำไส้ฉีกขาด อันเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือ พบสาร "Mitragynine" ที่พบได้ในใบกระท่อมเท่านั้น อยู่ในร่างกายของเด็ก
หมอหมู วีระศักดิ์ เล่าว่าช่วงตอนที่คุณหมอยังไม่ได้ส่งรายละเอียดเรื่องที่ว่า พบสาร "Mitragynine" ในร่างกายของเด็กไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ในสช่วงที่กำลังมีการสืบสวนสอบสวนตัวแม่ของเด็กอยู่นั้น จู่ๆ ตัวแม่ของเด็กก็บอกว่า ลูกของเธอคลานไปหยิบน้ำใบกระท่อมมาดื่มเอง ซึ่งนั่นเป็นคำบอกเล่าที่ดูแปลกมากๆ
"โดยส่วนตัวก็คิดว่าแปลก เพราะด้วยความที่เราเป็นแพทย์ และ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องพัฒนาการของเด็กมา ประกอบกับผมเองก็มีลูก ซึ่งคนเล็กอยู่ในวัยขวบกว่าๆ ซึ่งหลายคนคงทราบดีว่าถ้าเกิดมีผลิตภัณฑ์น้ำใบกระท่อมอยู่บริเวณจุดใดจุดหนึ่งของบ้านมันจะเป็นการยากที่เด็กจะไปหยิบแก้วมายกดื่มเอง ในเคสของเด็กขวบกว่าๆ ซึ่งกรณีแบบนี้เกิดขึ้นได้ยาก
เพราะเด็ก 1 ขวบส่วนใหญ่น่าจะอยู่ในภาวะที่ ดื่มกิน อะไรก็แล้วแต่ต้องผ่านทางผู้ปกครอง และการดื่มน้ำโดยส่วนใหญ่ จะดื่มผ่านทางขวดนม หรือต้องมีผู้ปกครองคอยป้อน เนื่องจากเด็กค่อนข้างถือแก้วหรือขวดค่อนข้างลำบาก และในขวดที่เราเห็นอยู่ทั่วไปของน้ำใบกระท่อมมันจะเป็นขวดลิตรและปิดฝาเกลียว แต่ถ้าจะมีการเทใส่แก้วหรืออะไรก็ตาม แล้วเด็กไปยกมาดื่มเองก็ต้องเป็นเรื่องที่ยังต้องพิสูจน์ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ซึ่งผมไม่ได้คอนเฟิร์มหรือฟันธงว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่แค่โดยทั่วไปไม่น่าจะเป็นไปได้"
นอกจากนี้ หมอหมู วีระศักดิ์ ยังอธิบายอีกว่า สาร "Mitragynine" นี้ จะพบได้แค่ใน ใบกระท่อมเท่านั้น และการตรวจหาสารจำพวกนี้ในร่างกายจะต้องใช้สารตรวจหาจากห้องปฏิบัติการเท่านั้น ซึ่งอันที่จริงใบกระท่อมก็ใช้เป็นยาในการรักษาโรคได้ เพียงแค่ต้องใช้ในปริมาณที่พอเหมาะที่ไม่ควรเกิน 15 กรัม และต้องอยู่ในการดูแล - ความคุมของแพทย์ แต่ถ้านำมาบริโภคเองและมากไปก็เกิดอันตรายถึงขั้นช็อกและเสียชีวิตได้
"เพราะฉะนั้นในกรณีแบบนี้ในตัวเด็ก ซึ่งถ้าพูดถึงปริมาณ 15 กรัม ก็ต้องดูในเรื่องของน้ำหนักตัวด้วยซึ่งในเด็ก 1 ขวบ มันเป็นน้ำหนักที่น้อยกว่าโดยมาตรฐานแน่นอนอยู่แล้ว ฉะนั้นการที่ได้รับสารตัวนี้เข้าไปในปริมาณ ที่ไม่ว่าจะเท่าไหร่ก็ตาม ผมคิดว่ามันเป็นอันตรายต่อตัวเด็ก และไม่ควรจะมีอยู่ในตัวเด็กเลย ซึ่งในกรณีนี้มันถึงเป็นเรื่องที่ผิดปกติมาก เพราะผู้ปกครองไม่ควรปล่อยปละละเลย ถ้าเป็นจริงในกรณีที่เด็กดื่มเอง
แต่กรณีที่ 2 ที่น่าสนใจคือ ถ้าเกิดว่าเป็นการเจตนาให้เด็กดื่ม อันนี้จะเป็นอันตรายต่อเด็กมาก เพราะในหลายๆ กรณีเราอาจจะเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเด็ก ในวัย 1 ขวบที่จะมีพฤติกรรมรบกวนผู้ใหญ่หรือคนเลี้ยงดูมากที่สุดคือการส่งเสียงร้อง ซึ่งด้วยความเป็นเด็กเขาไม่สามารถบอกได้ว่าเขาเป็นอะไรหรือต้องการอะไร
และถ้าเขามีสิ่งที่ต้องการแล้วไม่ได้หรือสิ่งไหนก็แล้วแต่ที่ขัดใจเขาเขาก็จะส่งเสียงร้องออกมา เพียงอย่างเดียวซึ่งการร้องอาจจะเป็นการรบกวนผู้ปกครองบางคน จึงใช้วิธีการต่างๆ นานา ในการที่จะทำให้เด็กหยุดร้อง ในกรณีนี้ไม่แน่ใจ ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่สอบสวนต้องไปสอบปากคำเพิ่มเติมว่า มีการเจตนาหรือไม่ที่จะให้เด็กดื่มน้ำ เนื่องจากใบกระท่อมมีฤทธิ์ต่อจิตประสาทก็อาจจะเป็นไปได้ว่าเขาจะให้เด็กดื่มเพื่อจะให้ง่วงนอนหรือหยุดร้องก็เป็นได้"
อย่างไรก็ตาม หมอหมูวีระศักดิ์ยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า ในเคสนี้ตัวของผู้เป็นแม่เพิ่งได้สามีใหม่ไม่นาน ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ลูกวัย 1 ขวบเสียชีวิตและพบสาร "Mitragynine" ในร่างกาย