- 18 ธ.ค. 2566
พ่อแม่พิการ โดนลูกสาวด่าไล่ออกจากบ้าน เรียกแท็กซี่มากองปราบฯ แจ้งความเพื่อลง ปจว.เป็นหลักฐาน กรณีบุตรสาวไม่ดูแลบุพการี
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 18 ธ.ค.66 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. นายประยูร โชเฟอร์แท็กซี่ ได้พาสองสามีภรรยาพิการเดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ณัฐนันท์ จะสูงเนิน รอง สว.(สอบสวน) กก.2 บก.ป.ประสงค์จะลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานกับลูกสาวตัวเอง หลังถูกโดนลูกสาวด่าว่าและไล่พ่อแม่ออกจากบ้าน หาว่าไม่ทำมาหากิน มาเกาะลูกกิน หากเกิดกรณีเช่นนี้อีกก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
โดยผู้เป็นแม่พิการหูตึง เล่าให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฟังด้วยความอึดอัดใจ ว่า ตนกับสามีแต่งงานอยู่กินกันมากว่า 50 ปี มีลูกด้วยกัน 4 คน คนโตเป็นชายถูกไฟฟ้าดูดเสียชีวิตไป 20 ปีแล้ว อีก 3 คนเป็นผู้หญิง 2 คนได้ทิ้งพ่อแม่ไปตอนน้ำท่วมใหญ่ ติดต่อไม่ได้อีกเลย เหลือลูกสาวอีกคน ปัจจุบันอายุ 40 ปีเศษ เรียนพยาบาล รับจ้างเฝ้าคนไข้
ที่บ้านตนเคยทำร้านวัสดุก่อสร้าง ตนเองช่วยงานเจียรไม้ เสียงดังจนหูมีอาการหูตึง ส่วนสามีประสบอุบัติเหตุ ต้องขวักลูกนัยตาทิ้งแล้วใส่ตาปลอมแทน ปัจจุบันลงทะเบียนคนพิการ ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไรแล้ว มีรายได้จากเงินคนพิการคนละ 1,500 บาทต่อเดือน และเงินคนชราอีกคนละ 800 บาท
ปัจจุบันย้ายมาอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งใน ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ในราคาเดือนละ 4,000 บาท อาศัยเงินคนพิการและเงินคนชราจ่ายเป็นค่าเช่าค่าน้ำค่าไฟ
ส่วนบุตรสาวที่เหลืออีกคนจะออกไปทำงานรับจ้างเฝ้าไข้ 2-3 วันถึงจะกลับมาสักที จะช่วยออกเงินค่าน้ำค่าไฟบ้างเป็นบางเดือน เมื่อกลับมาก็จะขึ้นไปนอนอยู่ชั้นสอง ส่วนตนพ่อแม่สองคนอาศัยชั้นล่าง ส่วนชั้น3-4 น้ำรั่วไหลลงมาอยู่อาศัยไม่ได้ เรื่องหากินก็ต่างคนต่างกิน แต่ตนกับสามียังไม่ได้กินข้าวมาตั้งแต่เย็นวานนี้
เมื่อวานบุตรสาวเขาไม่รู้ว่าไม่พอใจอะไรตนกับสามี ด่าว่าหาว่าเราไปเกาะเขากิน ไล่ให้เราออกจากบ้าน พอเช้าวันนี้ตี 5 ลูกสาวออกไปทำงานแล้ว ตนกับสามีจึงชวนกันออกมาแจ้งความ ทั้งที่ไม่มีเงิน
ชาวบ้านเห็นตนสองคนที่ปกติไม่ไปไหน ถามว่าตนจะไปไหนพอรู้เขาสงสารเลยส่งเงินให้ 100 บาท พากันเดินออกจากบ้านใช้เครื่องพยุงและไม้เท้าค่อยๆเดินกันออกมาจากท้ายหมู้บ้านถึงถนนใหญ่ประมาณ 3 กม.เพื่อเรียกรถแท็กซี่บอกให้มาส่งที่กองปราบปราม จะมาแจ้งความตำรวจเอาผิดลูกสาวที่ไม่ดูแลบุพการี
ด้านพ.ต.อ.มิ่งมนตรี ศิริพงษ์ ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.ป.และ ร.ต.อ.ณัฐนันท์ ได้สอบถามและพูดคุยกับสองสามีภรรยาพิการ พร้อมขอเบอร์มือถือบุตรสาวแต่ แม่ผู้พิการไม่อยากให้ กลัวว่าจะโดนบุตรสาวด่าหาว่ามาฟ้องตำรวจอีก ก่อนประสานฝ่ายสืบสวนมาร่วมกันตรวจสอบพร้อมหาข้าวน้ำให้ทั้งสองคนรับประทาน
หลังพูดคุยกันอยู่นานกว่าชั่วโมง จนผู้เป็นแม่ใจเย็นลง เปลี่ยนท่าทีไม่แจ้งความเอาผิดลูกสาว เพราะเห็นแก่อนาคตที่ลูกสาวกำลังจะเดินทางไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นในเดือนหน้า จึงยอมที่จะเดินทางกลับบ้านเช่าที่ จ.ปทุมธานี
เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ได้ประสานเจ้าหน้าที่ พม.ปทุมธานี พร้อมประสานจัดรถวิทยุ (สายตรวจ) กก.สสน.บก.ป.ไปส่งบ้าน สมดั่งคำขวัญ "กองปราบฯ ที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน" และ "เป็นกลาง เคียงข้างประชาชน"