- 22 ก.พ. 2567
"บิ๊กโจ๊ก" แถลงยืนยันบริสุทธิ์ 100 % ย้ำยังไม่ถูกแจ้งข้อหา ม.157-149 ยินดีให้สอบข้อมูลแม่ปมเส้นเงินโยงเว็บพนัน ลั่นตำรวจเบอร์ใหญ่อย่าเป็นอีแอบ ออกชี้มาแจงบ้าง
22ก.พ.67 "บิ๊กโจ๊ก"พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดแถลงข่าวชี้แจงกรณีพัวพันเว็บพนัน ยืนยันตนเองบริสุทธิ์ 100% พร้อมย้ำว่าไม่ถูกแจ้งข้อหาความผิด ม.157 และ ม.149 ยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บพนันคดีมินนี่
โดย บิ๊กโจ๊ก ชี้แจงกรณีที่วานนี้ (21 ก.พ.67) ปรากฏข่าวว่าถูกตำรวจสอบสวนกลางร้องทุกข์กล่าวโทษในความผิดตามมาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กับมาตรา 149 เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบ เนื่องจากมีพยานหลักฐานเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์พนันออนไลน์นั้น
เริ่มจากการตั้งข้อสังเกตเรื่องการขอออกหมายค้นบ้านตนเองที่มีการปกปิดข้อเท็จจริงต่อศาลว่าเป็นบ้านของนายตำรวจระดับสูง รวมถึงการออกหมายจับลูกน้อง 8 คน ที่ไม่ระบุยศ และไปขออนุมัติหมายค้นและหมายจับจากศาลอาญากรุงเทพใต้ แทนที่จะเป็นศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มิฉะนั้นศาลจะไม่อนุมัติ แต่กรณีดังกล่าวศาลได้พิจารณาแล้วว่าเป็นการออกหมายโดยชอบตามข้อมูลที่ได้รับ
รวมทั้งกรณีที่เร็ว ๆ นี้มีกระแสข่าวว่าตำรวจไซเบอร์ได้ออกหมายเรียกให้ตนมารับทราบข้อกล่าวหานั้น ล้วนเป็นกระบวนการจงใจทำให้ตัวเองเสื่อมเสียชื่อเสียงเพื่อเป้าหมายใหญ่ในระยะยาว
พร้อมยืนยันว่า ตนเองยังไม่ได้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาใด ๆ ทั้งสิ้น เป็นเพียงการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ ป.ป.ช.ที่เป็นการตั้งข้อสังเกตเท่านั้น ต้องมีกระบวนการพิจารณาว่ามีมูลหรือไม่ โดยจะต้อง แสวงหาพยานหลักฐาน และไต่สวน หากมีมูลจึงจะมีการแจ้งข้อกล่าวหา และตนเองก็เป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีการชี้มูลความผิด พร้อมขอให้สื่อแก้ไข มิฉะนั้นจะดำเนินการตามกฎหมาย
ขณะที่สำนวนคดีนี้ได้ส่งไปที่ ป.ป.ช. ตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2566 เชื่อว่าที่ ป.ป.ช.ไม่ส่งสำนวนกลับมาให้ตำรวจ เพราะ ป.ป.ช.รู้ว่าเป็นการทะเลาะกันเองของตำรวจจึงไม่อยากยุ่ง ดังนั้น การแถลงว่าจะขอเอาสำนวนมาให้ตำรวจโดยอ้างว่าได้ดำเนินการไปมากแล้วนั้น ตนเองเป็นใคร ยศอะไร ถือเป็นการกดดัน ดูถูกการทำงานของ ป.ป.ช.หรือไม่ ซึ่งระบบการไต่สวนของ ป.ป.ช. ที่เป็นหน่วยงานตรวจสอบทุจริตโดยตรง มีความรอบคอบรัดกุมมากกว่าระบบกล่าวหาของตำรวจ อีกทั้งตามระเบียบแล้วก็ต้องยึดสำนวนที่ ป.ป.ช.ไต่สวนเป็นหลัก ไม่มีระเบียบที่กำหนดว่าให้ยึดสำนวนของตำรวจเป็นหลัก
ขณะที่การชี้แจงเรื่องเส้นทางการเงินที่มีการพาดพิงว่าไปเชื่อมโยงกับบัญชีม้าเว็บไซต์พนันออนไลน์นั้น พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ยืนยันว่า ไม่มีเส้นทางการเงินจากบัญชีมาเชื่อมโยงไปยังตนเองแม้แต่เส้นเดียว แต่หากลูกน้องกระทำผิดก็ต้อง ตรวจสอบและให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ถึงแม้ก่อนหน้านี้ตนเองจะเคยกล่าวว่าเป็นไปไม่ได้ที่ลูกน้องกระทำผิดแล้วหัวหน้าจะไม่รู้เรื่องนั้น ยอมรับว่าตนเองไม่สามารถรับรู้ได้ทุกเรื่องว่าผู้ใต้บังคับบัญชามีพฤติการณ์อย่างไร แม้จะทำงานด้วยกันมาเป็น 10 ปี
ซึ่งกรณีของ พันตำรวจโทคริษฐ์ ปริยะเกตุ ที่พบเส้นทางการเงินจากเว็บพนันเชื่อมโยงไปยังบัญชีม้าที่พันตำรวจโทคริษฐ์ถือและใช้ โดยพบโอนเงิน ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันไปยังญาติของนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่นั้น
ก็ได้มีการตำหนิไปแล้วแต่ไม่มีอำนาจลงโทษเนื่องจากไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาโดยตรง และตนเองก็มีผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคนที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องการเงิน และขณะนี้พันตำรวจโทก็ถูกดำเนินคดีเรื่องบัญชีม้าแล้ว แต่หากใช้บัญชีม้าจริงก็ต้องรับผิดไปแต่ก็ต้องไปตรวจสอบเพิ่มเติมว่ามีความเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์พนันออนไลน์อย่างไร และยืนยันไม่มีการตัดตอนใคร ว่าไปตามจริง
กรณีที่ตำรวจจะเรียกแม่ตัวเองมาสอบปากคำเพิ่มเติมก็ยินดี รวมทั้งกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ตนเองนำเงินไปทำบุญจำนวนมากเพื่อเลี่ยงภาษีนั้นไม่เป็นความจริง แต่ยอมรับว่ามีการทำบุญหลาย 10 วัด ชี้แจงได้หมดไม่มีการเลี่ยงภาษี ส่วนประเด็นเรื่องการร่ำรวยผิดปกตินั้นก็ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบแล้วทุกปี