- 28 ก.พ. 2567
"ทนายเดชา"เผยคำพูดลูกชาย"ทนายวัฒนา"หลังรับไม่ได้พฤติกรรมพ่อ พร้อมทั้งขอโทษแทนพ่อ และเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
วันที่ 27 ก.พ.67 นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของอากู๋ เปิดเผยว่า ตนรับผิดชอบในทุกคดี คดีแรกมีผู้ต้องหา 5 ราย รวมถึงผู้เสียชีวิต แต่ตามกฎหมายสิทธิ์ตามคดีอาญาก็ระงับไปจึงเหลือผู้ต้องหาอีก 4 ราย ฐานความผิดบุกรุกตั้งแต่ 2 รายขึ้นไป ลักทรัพย์เคหสถาน และมำให้เสียทรัพย์ เป็นคดีที่อยู่ในชั้นพนักงานอัยการ
เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่ทนายฝั่งตรงข้ามอยากจะสู้คดีครอบครองปรปักษ์ ทนายทนายเดชา ตอบว่า ทนายความเขาคงอยากไปต่อและสู้คดี และคงคิดว่า 13 ปีที่ครอบครองสามารถยึดบ้านเขาได้ อีกทั้งยังไปเสียดสีนักข่าว เป็นเพราะนักข่าวทำให้เขาทำงานลำบาก และไปบีบกดดันเขา แม้ว่าทางเราจะคุยกับสามีของผู้เสียชีวิตมาดีโดยตลอด ซึ่งอากู๋ก็มีเมตตากับฝ่ายผู้ต้องหาด้วย อากู๋เชื่อว่าคนเราทำผิดพลาดกันได้
ส่วนตัวมองว่า “ความผิดของผู้ต้องหา ถือเป็นครั้งแรก ซึ่งลักษณะนี้ ไม่น่าจะติดคุก ถ้าหากผู้ต้องหายอมรับสารภาพ และเยียวยาค่าเสียหายให้กับผู้เสียหายตามสมควร คดีก็คงจบไป” โดยตนอยากให้นางสาวศรีพรรณ ซัดทอดไปถึงตัวการใหญ่ จะได้เอาตัวการใหญ่มาขึ้นศาล เพราะเป็นคนยุแยงให้ไปตัดกุญแจบ้าน
ส่วนหลักฐานในสำนวนคดีที่ผ่านมา ยอมรับว่าได้ให้ทางฝ่ายของผู้เสียชีวิตดูแล้ว ซึ่งไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะสามารถสู้คดีได้เลย เนื่องจากการยื่นปรปักษ์ต้องมีหลักฐานที่ชัดเจน แต่ปรากฏว่าอีกฝ่ายไม่มีหลักฐานอยู่จริง นั่นจะทำให้แพ้คดี ซึ่งเรื่องนี้สามารถร้องเรียนมรรยาททนายความได้ ฐานยุยงส่งเสริมให้เป็นความดัน ส่วนตัวมองว่าเขาอยากจะได้ค่าว่าความทนายหรือไม่ ซึ่งตนคิดว่าเราต้องนึกถึงบาปบุญคุณโทษ บ้านเป็นของอากู๋ ซันถือเป็นหลาน ได้รับมอบอำนาจ เขาสามารถทำอะไรหรือดำเนินการอะไรก็ได้ตามกฏหมาย
อย่างไรก็ตามหลังจากอากู๋ทราบว่าฝ่ายของผู้เสียชีวิตรู้สึกผิดและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่เดินหน้าต่อครอบครองปรปักษ์นั้น ทนายเดชา บอกว่า เท่าที่คุยกับอากู๋ อากู๋ให้โอกาส และยังช็อกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งอโหสิกรรมให้นางสาวภานุมาศ ส่วนจะดำเนินคดีกับทางทนายความหรือไม่ ยังไม่ได้คิด เพราะเชื่อว่าเขาจะแพ้ภัยตัวเองและสังคมเป็นผู้ตัดสิน
นอกจากนี้ล่าสุดลูกชายของทนายวัฒนา ได้โทรศัพท์มาหาทนายกุ้ง พร้อมเผยความในใจนานกว่า 1 ชั่วโมง ว่าไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมของพ่อ ลูกชายเขาก็เรียนจบเป็นนักกฎหมาย จบมาเค้าไม่อยากเป็นทนายความเหมือนพ่อแล้ว เพราะไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมของพ่อ พร้อมทั้งขอโทษแทนพ่อ และเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแทนพ่อด้วย