รวบ "เจินเจิน" สาวล่ามให้บอสชาวจีน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ฝั่งปอยเปต

เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB)ร่วมกันจับกุม นางสาวพรทิพา หรือ เจินเจิน อายุ 33 ปี ล่ามภาษาจีน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1833/2567 ลงวันที่ 25 เมษายน 2567 ในความผิดฐาน "มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และโดยทุจริตหรือหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน"

สถานที่จับกุม อาคารผู้โดยสารขาออก จุดผ่านด่านถาวรคลองลึก ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศจ.สระแก้ว

 
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กก.3 บก.ปอท. ได้ทำการสืบสวนสอบสวนในคดีที่แก๊ง Call Center ใช้หมายเลขโทรศัพท์ +191 โทรศัพท์หลอกลวงผู้เสียหายวัย 75 ปี จนได้ทรัพย์สินของผู้เสียหายไปเป็นเงินรวม 10.9 ล้านบาท โดยก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสามารถจับกุม ผู้ต้องหาที่เป็นบัญชีม้า แถว 1 และแถว 2 รวม 4 ราย ซึ่งผู้ต้องหาเหล่านี้รับว่าได้เปิดบัญชีม้าให้กับแก๊ง Call Center โดยข้ามไปสแกนหน้าที่ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา

จากนั้นได้ทำการขยายผลจนทราบตัวผู้ร่วมขบวนการที่อาศัยอยู่ที่ออฟฟิศฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา โดยพบว่ามีทั้งคนจัดหาบัญชีม้า, พนักงานคอลเซ็นเตอร์, ล่าม และบอสชาวจีน อาศัยอยู่ฝั่งดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการดังกล่าวในความผิดฐาน “มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และโดยทุจริตหรือหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”  
 

และภายหลังทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุม นางสาวพรทิพาฯ อายุ 33 ปี ผู้ต้องหา รายสำคัญนี้ ซึ่งเป็นล่ามแปลภาษาให้กับบอสชาวจีน ในการสั่งงานพนักงาน Call Center ในการโยกเงินจากบัญชีม้าและการฟอกเงินผ่านคริปโตฯ ที่ออฟฟิศฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา โดยสามารถจับกุมได้ที่ด่าน ตม.คลองลึก จ.สระแก้ว ในขณะที่ผู้ต้องหากำลังจะข้ามพรมแดนเพื่อไปทำงานให้บอสจีนที่ออฟฟิศฝั่งปอยเปต

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่าแก๊ง Call Center แก๊งดังกล่าวนี้ มีการหลอกลวงประชาชนในรูปแบบต่างๆ ทั้งการโทรศัพท์ข่มขู่, หลอกติดตั้งแอปฯ ดูดเงิน, หลอกทำภารกิจ และการหลอกลงทุนรูปแบบต่างๆ โดยพบประวัติการแจ้งความออนไลน์ จำนวนกว่า 1,000 คดี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการขยายผลติดตามจับกุมตัวการและผู้ร่วมขบวนการคนอื่นๆ ต่อไป

สอบถามคำให้การเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ทำหน้าที่เป็นล่ามแปลให้บอสชาวจีน สั่งการพนักงานในการโยกเงินจากบัญชีม้าและฟอกเงินผ่านคริปโตฯ จริง