- 28 พ.ค. 2567
นายอรรณพ บุญสว่าง ทนายความ ให้ข้อมูลกับรายการสืบเสาะเจาะข่าว แฉปมทนายดัง จะตรวจสอบการยื่นจ่ายภาษีคนอื่น แต่ตัวเองดันอ้างลืม
นายอรรณพ บุญสว่าง ทนายความ เปิดเผยกับสืบเสาะเจาะข่าว ถึงกรณีการโพสต์ข้อความ โดยทนายเป้ง เปิดใจว่าต้องการจะแชร์ความรู้ให้น้องๆทนายรุ่นใหม่ ในการฟ้องเรียกค่าเสียหาย ในเรื่องการขาดรายได้ จึงต้องมีการพิสูจน์ที่มาของรายได้ผู้ฟ้องว่ามีจริงไหม เราเป็นทนายจำเลยจึงส่งหมายศาลไปสรรพากร เพื่อให้นำส่งแบบภาษีเงินได้
ตอนนั้นเรียกไป 3 ปี เพื่อจะดูค่าเฉลี่ยในแต่ละปี เขามีรายได้ที่ยื่นภาษีให้รัฐเท่าไหร่ ปรากฎว่าสรรพากรตอบกลับมาที่ศาลว่า โจทย์ไม่ได้ยื่นภาษี(แบบภงด.) ทั้ง 3 ปี
โดยได้ถามโจทก์ในคดีนั้นบนศาล กลับอ้างว่าลืมเดี๋ยวจะไปยื่นย้อนหลัง ส่วนตัวงงว่าเป็นนักกฎหมาย ทำไมจึงไม่รู้
ส่วนกรณีการเข้าตรวจสอบการยื่นแบบภาษี บุคคลทั่วไปสามารถตรวจสอบได้หรือไม่ ทนายเป้งระบุว่า กฎหมายไม่ได้เปิดช่องให้ทนายความหรือบุคคลทั่วไป ไปสอบภาษีใคร เป็นหน้าที่สรรพากร แต่ถ้าฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกันบนศาล ฝั่งจำเลยสามารถใช้คำสั่งศาลยื่นตรวจสอบได้ ตามกระบวนการยุติธรรม บุคคลอื่นไม่สามารถทำได้
ส่วนกรณีที่พี่หนุ่มกรรชัย เอาไปแชร์ต่อและบอกให้ส่งข้อมูลให้นั้น ทนายเป้งชี้แจงว่า คดียังไม่ถึงที่สุด คงไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้
ประเด็นต่อมาคือการไปโพสต์โซเชียลเรี่ยไรรับบริจาค ของทนายความ สามารถทำได้หรือไม่ ทนายเป้งชี้ว่าไม่ผิดมรรยาท และสภาทนายเองก็ไม่สนใจ มองเป็นเรื่องส่วนตัว ส่วนตัวมองว่าไม่เหมาะสม ต่อเกียรติและศักดิ์ศรีของทนายความ
มองยังไงกับการเคลื่อนไหวของทนายบางคน ที่คู่ขนานมากับความเชื่อ ทนายเป้งมองว่า ทนายความมีหน้าที่บนศาลเต็มที่ แต่การออกมาสื่อสารต่อสาธารณะในเรื่องความเชื่อ นั่นเป็นเสรีภาพ และเมื่อพูดกับสาธารณะแล้ว ต้องใจกว้างพอยอมรับคำวิจารณ์ ติชมของสาธารณะ เพราะย่อมมีทั้งคนเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย และอาจทำให้คนเข้าใจผิดได้ การพีอาร์ตัวเองหรือแสดงจุดยืน ต้องพร้อมรับคำติชมวิจารณ์