โอละพ่อ ลูกสาว สร้างเรื่องหลอกพ่อ โดนอุ้มเรียกค่าไถ่ สารภาพเอาเงินไปทำอะไร

จากกรณี นายกิตติมา ชาวจังหวัดขอนแก่น ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ว่า น.ส.โม หรือ น.ส.กิตติภรณ์  ซึ่งเป็นลูกสาวของตนได้หายตัวไป โดยได้หายตัวไปจากรพ.ศูนย์ ก่อนจะได้ข้อความว่า ลูกสาวตนถูกลักพาตัวไปกักขังไว้ โดยให้โอนเงินไปให้จำนวน 30,000 บาท จึงจะปล่อยตัว

ความคืบหน้าล่าสุดทาง  สภ.เมืองขอนแก่น เผยว่า ได้ทำการจับกุมสาวสร้างเรื่องถูกลักพาตัว สรุปเป็นการหลอกลวง สร้างเรื่อง

ตามที่มีสื่อมวลชนนำเสนอข่าว เรื่อง สาวแม่ลูกอ่อนโดนอุ้ม ต่อ มา วันที่ 5 ส.ค. 2567 ได้มีนายกิตติมา  อายุ 51 ปี มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ว่า น.ส.กิตติภรณ์ หรือโมฯ อายุ 21 ปี ซึ่งเป็นบุตรสาวของตนได้หายตัวไป ต่อมานายกิตติมาฯ ทราบจากเพื่อนของบุตรสาวว่า มีผู้ส่งข้อความมาหา บอกว่าบุตรสาวของตนถูกลักพาตัวไปกักขังไว้ โดยให้โอนเงินไปให้จำนวน 30,000 บาท จึงจะปล่อยตัว

นายกิตติมาฯ เกรงว่าบุตรสาวของตนจะได้รับอันตรายจึงมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ ระดมกำลัง ทำการสืบสวน เพื่อติดตามตัวของนางสาว กิตติพร หรือน้องโม
 

จากนั้น วันที่ 6 ส.ค.2567 เวลา 22.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนได้ทำการสืบทราบว่า น.ส.กิตติภรณ์ หรือ โม ได้มาพักอาศัยอยู่ที่กระท่อมไม่มีเลขที่ภายในหมู่บ้านใหม่บัวบาน หมู่ 14 ต.กู่ทอง อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม จึงเดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบ น.ส.กิตติภรณ์ฯ อยู่ที่กระท่อมหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด สืบสวน จึงได้เข้าไปแสดงตัว และนำตัวน.ส.กิตติภรณ์ฯ กลับมาที่ สภ.เมืองขอนแก่น หลังจากนั้นได้สอบถาม น.ส.กิตติภรณ์ฯ เกี่ยวกับเหตุแห่งการหายตัวไป

ซึ่ง น.ส.กิตติภรณ์ ยอมรับสารภาพ ว่า ตนได้สร้างเรื่องขึ้นมา เพื่อที่จะนำเงินไปใช้หนี้ ไปใช้จ่ายร่วมกับแฟนคนใหม่ซึ่งเป็นคนบ้านบัวบานตำบลกู่ทองจังหวัดมหาสารคาม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นของ น.ส.กิตติภรณ์ฯ พบว่ามีรูปถ่ายที่ น.ส.กิตติภรณ์ฯ ใช้โพสต์ข้อความหลอกลวง เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดโทรศัพท์ดังกล่าว 

 พร้อมทั้งแจ้งข้อหาเบื้องต้นให้แก่ น.ส.กิตติภรณ์ฯ ให้ทราบว่าจะต้องถูกจับในข้อหา“นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อประชาชน” นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตาม