ทลายโกดัง"ยากันยุงเถื่อน"จากจีน พบสารอันตราย ยึดของกลาง 2.5ล้าน

17ก.ย.67 ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางได้มีการจัดแถลงผลการปฎิบัติการกรณีทลายโกดังจัดเก็บกระจายผลิตภัณฑ์กันยุงที่ใช้กับเครื่องไฟฟ้าจากจีนตัวจุดยากันยุงผมปกรณ์ไฟฟ้าส่วนควบ จำนวนกว่า 7300 ชิ้นพร้อมทั้งผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่เป็นความผิด 45 รายการจำนวน 32,627 ชิ้นมีมูลค่ากว่า 2,500,000 บาท 
 

พฤติการณ์คือ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่กองกำกับการสี่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ได้รับเรื่องร้องเรียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้ตรวจสอบการจำหน่ายผลิตภัณฑ์กันยุงพบอุปกรณ์พกพาส่วนควบ ไม่มีฉลากภาษาไทยไม่มีเลขทะเบียนผลิตภัณฑ์ผ่านแพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ซึ่ง ยากันยุงที่ อย. ได้ตรวจเฝ้าระวังตรวจพบสาร เมเพอร์ฟลูทริน (Meperfluthrin)

และไดมีฟลูทริน (Dimedluthrin) ซึ่งเป็นสารในกลุ่มไพรีทรอยด์ (Pyrethriods) ซึ่งจัดเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 (วัตถุอันตรายที่ใช้ในบ้านเรือนที่ต้องขออนุญาตนำเข้าผลิตและขอขึ้นทะเบียน) ซึ่ง อย. ไม่เคยอนุญาตให้นำเข้าผลิตหรือขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ที่มีสารดังกล่าวจึงเป็นสารที่ยังไม่ผ่านการประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการใช้รวมถึงอันตาการใช้ที่เหมาะสมจึงอาจก่อให้เกิดอันตรายกับผู้บริโภคได้

สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ตรวจยึดมาได้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีฉลากภาษาไทยและไม่ระบุเลขทะเบียนวัตถุอันตรายโดยสารดังกล่าวเป็นสารที่ยังไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก อย. สารที่ยังไม่ผ่านการประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการใช้งานรวมถึงอัตราการใช้ที่เหมาะสมจึงอาจก่อให้เกิดอันตรายกับผู้ใช้ นอกจากนี้ยังพบว่าสารดังกล่าวยังไม่มีข้อมูลทางวิชาการที่รับรองความปลอดภัยต่อคน สัตว์และสิ่งแวดล้อม รวมถึงสารดังกล่าวยังพบว่าไม่เคยมีการอนุมัติให้ใช้ในประเทศสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปโดยสารชนิดนี้ไม่อยู่ในรายการที่แนะนำให้ใช้โดยองค์การอนามัยโลก 

จึงขอเตือนผู้บริโภคเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากเป็นภาษาไทยและระบุเลขทะเบียนผัวตรายในกรอบเครื่องหมาย อย.วอส. สำหรับกรณีวัตถุอันตรายชนิดที่สามโดยต้องมีฉลากภาษาไทยที่ต้องแสดงชื่อการค้าชื่อและปริมาณสำหรับสารสำคัญรวมถึงวิธีการใช้คำเตือนข้อควรระวังวันเดือนปีที่ผลิตรุ่นการผลิตที่ชัดเจนหลีกเลี่ยงการใช้ลิฟท์วันที่มีการกล่าวอ้างประสิทธิภาพในเชิงโอ้อวดเกินจริง

โดยจากการสอบสวนพนักงานประจำโกดังดังกล่าวได้ระบุว่า สินค้าดังกล่าวที่ถูกจำหน่ายในแพลตฟอร์มออนไลน์มีลูกค้าให้ความสนใจและสั่งซื้อเดือนละ 2,000 ชิ้น ต่อ1 โกดัง อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่ายังจะมีโกดังอยู่ในจุดอื่นๆอีก ซึ่งอยู่ในระหว่างการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม และยังเชื่อว่าสินค้าเหล่านี้มีกระจายอยู่ในพื้นที่ที่มีคนจีนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากเช่น เชียงใหม่ , ภูเก็ต , พัทยา และ ปทุมธานี