- 08 ต.ค. 2567
ตำรวจไซเบอร์บุกจับ "เชฟอ้อย" เจ้าของแฟรนไชส์ลูกชิ้นชื่อดังกลางห้าง ฐานยักยอกทรัพย์แฟนคลับสูญเงินกว่า 2 ล้านบาท
วันที่ 8 ตุลาคม 2567 มีรายงาน ตำรวจไซเบอร์บุกจับ เชฟอ้อย ยักยอกเพชรแฟนคลับ 2 ล้าน โดย พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม รรท. ผบช.สอท. พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท. สั่งการให้พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1, พ.ต.อ.กฤช กัญชนะ ผกก.2 บก.สอท.1,พ.ต.ท.รุ่งเรือง แสนโคตร สว.กก.2 บก.สอท.1 ร่วมกันทำการจับกุม นางยุวดี ชัยศิริพาณิชย์ อายุ 54 ปี หรือ เชฟอ้อย เจ้าของแฟรนไชส์ลูกชิ้นเชฟอ้อย ตามหมายจับของศาลแขวงบางบอน ที่ 289/2567 ลงวันที่ 2 กันยายน 2567
โดยแจ้งข้อกล่าวหา "ความผิดฐานยักยอกทรัพย์" ตำรวจบุกจับกุมได้ที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ถ.ศรีนครินทร์
พฤติการณ์สืบเนื่องจาก มีผู้เสียหายรู้จักกับผู้ต้องหาผ่านทางทีวีและเห็นว่าผู้ต้องหาเป็นเชฟชื่อดัง จึงติดต่อขอซื้อแฟรนไชส์ร้านอาหาร จากนั้นได้พูดคุยจนเกิดความสนิทสนมกัน ผู้ต้องหาเห็นว่าผู้เสียหายต้องการจะขายทองคำเพชร และ พระเครื่อง มูลค่ากว่า 2 ล้าน บาท จึงเสนอตัวจะเป็นนายหน้านำทรัพย์สินดังกล่าวไปทำการขายให้
ผู้เสียหายเห็นว่าผู้ต้องหาเป็นเชฟชื่อดังและเป็นที่รู้จักในวงการจึงยอมให้ผู้ต้องหานำทรัพย์สินไปขาย ทว่าระยะเวลาผ่านไปหลายเดือนผู้เสียหายทราบภายหลังว่าผู้ต้องหาได้นำทรัพย์สินของตนไปมัดจำเพื่อเปิดร้านอาหาร จึงได้ทวงถามกลับมายังผู้ต้องหา เมื่อพบว่าเป็นความจริงจึงเข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.บางบอน
ต่อมาชุดสืบสวนได้ทำการแกะรอยจนทราบว่าผู้ต้องหาได้มาอยู่ที่บริเวณห้างดังกล่าวจึงนำกำลังเข้าจับกุม
สอบสวนให้การรับสารภาพว่าได้มีการนำทรัพย์สินของผู้เสียหายไปจริงโดยสาเหตุมาจากหมุนเงินไม่ทัน หลังจากที่ออกรายการชื่อดังอย่างโหนกระแสไปทำให้มีผู้ติดตามลดลงและมีคนซื้อแฟรนไชส์ลดลงด้วยทำให้ประสบปัญหาในเรื่องของธุรกิจจึงตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าว
เบื้องต้นนำส่งพนักงานสอบสวน สน.บางบอนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
เชฟอ้อย กล่าวว่า ได้นำเพชรจากผู้เสียหายไปขายจริงโดยตนทำหน้าที่นายหน้าเอาไปให้โปรดิวเซอร์รายการทีวีช่องดัง ซึ่งทางนั้นก็ยังไม่ได้จ่ายเงินให้
แต่ช่วงเวลาที่นำเพชรมาครั้งแรกเชฟได้ควักเงินจ่ายให้กับผู้เสียหายไปก่อน 500,000 บาทแต่ต่อมาภายหลังได้ออกรายการโหนกระแสกรณีที่มีปัญหาเรื่องลูกชิ้น ทำให้ขายไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน ขาดสภาพคล่องไม่สามารถผ่อนคืนให้กับทางผู้เสียหายได้
อย่างไรก็ตามตนไม่ได้มีเจตนาที่จะหลบหนีหรือไม่จ่ายเงินให้กับทางผู้เสียหายที่ผ่านมาได้พยายามติดต่อผู้เสียหายมาโดยตลอดและพยายามที่จะขอไกล่เกลียเพื่อที่จะชดใช้เงินให้เต็มจำนวนด้วย