- 18 ต.ค. 2567
“เอกภพ สายไหม” แฉพบเส้นทางการเงินก้อนโต 8 พันล้านบาท ถูกโอนก่อน "โค้ชแล็ป" นักโปรแกรมเมอร์ดิไอคอน’ ถูกจับ 1 ชม.
คดีดิไอคอนกรุ๊ป พบเงินก้อนโตกว่า 8พันล้าน โอนก่อน"โค้ชแล็ป"ถูกจับ โดย นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารมว.มหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด
ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจ เอกภพ สายไหม แฉข้อมูลใหม่เบื้องลึกเกี่ยวกับคดีดิไอคอน ที่ในขณะนี้ ทั้ง17 ผู้ต้องหาได้ถูกนำตัวเข้าเรือนจำ หลังจากศาลอาญายกคำร้องขอประกันตัว ด้าน บอสพอล เพิ่งถูกส่งตัวเข้าฝากขังในวันนี้ ( 18ต.ค.67)
โดย “เอกภพ สายไหม” ระบุว่า พบเส้นเงินผิดปกติกว่า 247,911,936 USDT มูลค่ากว่า 8,223 ล้านบาท ถูกโอนออกไปก่อนที่ "โค๊ชแล็ป" ดิไอคอน จะถูกจับเพียง 1 ชั่วโมง
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 17 ต.ค.67 ทาง ดีเอสไอ ได้เดินทางเข้าค้น ดิไอคอน 2 จุด ตรวจค้นหาหลักฐานบริษัทเพิ่ม ที่ย่านนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม เช่าเก็บข้อมูลระบบคลาวด์ และ ที่ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี บริษัท นายจิระวัฒน์ แสงภักดี"โค้ชแล็ป" นักโปรแกรมเมอร์ของดิไอคอน
ซึ่งจากการค้นสำนักงานบริษัทเซิร์ฟริช รวบหลักฐานหลังบ้านคดี ดิ ไอคอน กรุ๊ป’พบขนย้าย ทำลายข้อมูลบางส่วน เร่งหาหลักฐานความเชื่อมโยงเเม่ข่ายเทวดา
โดย ร้อยตำรวจเอกวิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้สัมภาษณ์ว่า ได้ข้อมูลทางลับ พบว่าโค้ชแล็ปทำหน้าที่เป็นโปรแกรมเมอร์ดิไอคอนและดูแลระบบหลังบ้านทั้งหมด ให้กับบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป
ส่วนกรณีที่นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอดและที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกมา เปิดเผยข้อมูลว่า หากดีเอสไอเข้ามาทำคดีนี้จะมีบุคคลคนหนึ่งในดีเอสไอเข้ามาช่วยดูแลคดีเพื่อให้รับผิดทางกฎหมายน้อยลงนั้น
ร้อยตำรวจเอกวิษณุ ยืนยันว่าปีที่ปรากฏเป็นข่าวคือปี 2563 ตอนนั้นตนเองเป็นผู้อำนวยการกองคดีความมั่นคง ซึ่งไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับกองคดีแชร์ลูกโซ่อยู่แล้ว ข้อมูลบางอย่างถูกจินตนาการต่างๆนานา และตนเองยังได้ร่วมสอบปากคำพยานปากสำคัญ สิ่งสำคัญคือบางเรื่องเป็นเรื่องของบุคคลแต่ขออย่าให้เกิดผลกระทบต่อองค์กร บุคคลกับองค์กรต่างกันตนเองรักองค์กร หากมีข้อเท็จจริงที่บอกว่ามีข้าราชการของดีเอสไอเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ฟังแล้วไม่สบายใจ ก็สามารถเข้ามาให้ข้อมูลได้ ทางเรายินดีและมีทีมงานที่จะสืบสวนแสวงหาข้อเท็จจริง หากเป็นบุคคลที่ทำให้องค์กรเสียหายเราก็ไม่ยอมเช่นกัน
พร้อมยืนยันว่าในปี 2563 ตนเองไม่ได้ดูหน้างานในส่วนของแชร์ลูกโซ่ แต่ดูคดีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงคดีนอมินี ส่วนที่ผ่านมาก็ไม่เคยระแคะระคายเรื่องเครือข่ายของดิไอคอน ตนเองเข้ามาในช่วงคดีแชร์ลูกโซ่คอนเซป์ซีรีส์ และแชร์ลูกโซ่ฟอเร็กกซ์ ทำให้ตระหนักรู้ว่าคดีแชร์ลูกโซ่อย่างไรก็ไม่หมดไป การหาวิธีปราบปรามอย่างเดียวไม่พอแต่ต้องป้องกัน ตั้งระบบเช็คลิสต์เพื่อไม่ให้ผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อ ซึ่งตนพยายามหาวิธีการไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อ แต่เมื่อเกิดเรื่องแล้วนอกจากบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิด
ยังเน้นเรื่องการนำทรัพย์สินมาคืนผู้เสียหาย เช่นที่ผ่านมาในคดีฟอเร็กซ์ได้ประสานงานกับ ปปง.อายัดทรัพย์สินคืนผู้เสียหายกว่า 600 ล้านบาท นับเป็นวงเงินที่สูงและเกิดความพอใจกับผู้เสียหาย ซึ่งการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดอย่างเดียวไม่เพียงพอแต่ต้องนำทรัพย์สินคืนผู้เสียหายด้วย
นอกจากนี้ตนเองก็อยากรู้ว่าบุคคลในดีเอสไอที่ถูกพาดพิงคือใคร ซึ่งได้พยายามพูดคุยกับสายลับแต่ ก็ไม่รู้ว่าเป็นใครเช่นกัน เพียงแต่บอกว่าได้ยินมา แต่เมื่อมีคนพูดถึงเราก็ต้องตระหนักและหาข้อเท็จจริงให้ได้ว่าเป็นใครมีตัวบุคคลตัวละครนั้นจริงหรือไม่
เพราะไม่อยากให้องค์กรได้รับผลกระทบเพราะเป็นเรื่องบุคคล และต้องหาคนที่ถูกกล่าวถึงมารับผิดชอบให้ได้ เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นและศรัทธาในองค์กรดีเอสไอสามารถพึ่งได้รวมถึงมีความโปร่งใสและตรวจสอบได้