ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จับผู้ต้องหาตามหมายจับ โดนน้องแท้ๆหลอกให้เปิดบัญชีม้า เจอหน้าตำรวจถึงกับปล่อยโฮออกมา

วันที่ 11 ธันวาคม 2567 มีรายงานว่าตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จับผู้ต้องหาตามหมายจับโดนน้องแท้ๆหลอกให้เปิดบัญชีม้า เจอหน้าตำรวจปล่อยโฮ ตรวจสอบพบมีผู้เสียหายแจ้งความไว้หลายพื้นที่ มีหมายจับเพิ่มเติมรวมเป็น 3 หมายจับ ความเสียหายที่เกิดขึ้นรวมทั้งสิ้นมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท 

 

สาวปล่อยโฮ กลายเป็นผู้ต้องหาเพราะคนใกล้ตัว เจอตำรวจถึงกับร้อง

 

สาวปล่อยโฮ กลายเป็นผู้ต้องหาเพราะคนใกล้ตัว เจอตำรวจถึงกับร้อง

 

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ร่วมกันจับกุม นางสาวหนึ่งสุดาฯ หรือดาว อายุ 21 ปี  ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน 

1.ตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.1150/2567 ลงวันที่ 27 สิงหาคม 2567 ซึ่งกระทำผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงเป็นบุคคลอื่น, โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลหนึ่งบุคคลใด"  

2.ตามหมายจับศาลจังหวัดลพบุรี ที่ จ.116/2567 ลงวันที่ 1 ส.ค. 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงด้วยการแสดงตนเป็นคนอื่น, โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, เปิดหรือยินยอมให้บุคคลใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคลอื่นใช้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี"

 

สาวปล่อยโฮ กลายเป็นผู้ต้องหาเพราะคนใกล้ตัว เจอตำรวจถึงกับร้อง

 

3.ตามหมายจับศาลจังหวัดชุมแพ ที่จ.133/2567 ลง 5 ส.ค.2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน "ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลหนึ่งบุคคลใด, ร่วมกันฉ้อโกง และเปิดหรือยินยอมให้บุคคลใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด"
 
สถานที่จับกุม บริเวณสถานีรถไฟกุยบุรี ต.กุยบุรี อ.กุยบุรี จว.ประจวบคีรีขันธ์ พฤติการณ์ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจับกุม ได้รับข้อมูลเบาะแสจากสายลับ ให้ข้อมูลว่าพบบุคคล คล้ายบุคคลตามหมายจับ จะเดินทางโดยรถไฟมาลงที่ สถานีรถไฟกุยบุรี จึงได้ร่วมกันไปซุ่มดักรอ ทราบว่า นางสาวหนึ่งสุดา หรือดาว ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับ ศาลอาญามีนบุรี หมายจับ ที่ จ.1150/2567 ลงวันที่ 27 สิงหาคม 2567 ได้เดินทางมากับรถไฟขบวนที่ 254 (หลังสวน-ธนบุรี) โดยมีปลายทางลงที่สถานีรถไฟกุยบุรี 

เมื่อทราบข้อมูลดังกล่าวจึงได้เดินทางไปตรวจสอบ ต่อมา พบบุคคลลักษณะคล้าย นางสาวหนึ่งสุดา เดินลงมาจากรถไฟขบวนดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และสอบถามชื่อบุคคลดังกล่าว ทราบชื่อคือ นางสาวหนึ่งสุดา จึงได้ขอตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชน พบว่ามีชื่อ-สกุล และหมายเลขประจำตัวประชาชน ตรงกับบุคคลตามหมายจับ จึงได้แสดงหมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.1150/2567 ลงวันที่ 27 สิงหาคม 2567 ให้ผู้ถูกจับดูและอ่านเอง เป็นที่เข้าใจดีแล้ว รับว่า ตนเป็นบุคคลตามหมายจับฉบับนี้จริง และยังไม่เคยถูกจับตามหมายจับนี้มาก่อน จึงได้ควบคุมตัวผู้ถูกจับมาที่ สถานีตำรวจทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ เพื่อจัดทำบันทึกจับกุม 

 

สาวปล่อยโฮ กลายเป็นผู้ต้องหาเพราะคนใกล้ตัว เจอตำรวจถึงกับร้อง

 

และจากการตรวจสอบจากฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (CRIMES) ทราบว่า นางสาวหนึ่งสุดา ยังเป็นบุคคลตามหมายจับของ ศาลจังหวัดลพบุรี ที่ จ.116/2567 ลง 1 ส.ค. 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงด้วยการแสดงตนเป็นคนอื่น, โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, เปิดหรือยินยอมให้บุคคลใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคลอื่นใช้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี" และ หมายจับศาลจังหวัดชุมแพ ที่ จ.133/2567 ลง 5 ส.ค.2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน "ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูล คอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลหนึ่งบุคคลใด, ร่วมกันฉ้อโกง และเปิดหรือยินยอมให้บุคคลใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด"

 

สาวปล่อยโฮ กลายเป็นผู้ต้องหาเพราะคนใกล้ตัว เจอตำรวจถึงกับร้อง

 

จึงได้แสดงหมายจับดังกล่าวให้ผู้ถูกจับดูและอ่านเอง เป็นที่เข้าใจดีแล้ว รับว่า ตนเป็นบุคคลตามหมายจับฉบับนี้จริงและยังไม่เคยถูกจับตามหมายจับนี้มาก่อน จึงได้ทำการจับกุมตัวจัดทำบันทึกนำตัวผู้ถูกจับส่งพนักงานสอบสวน สน.สายไหม เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป  

สอบถามคำให้การเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การว่า น้องสาวแท้ๆ ของตนเป็นคนขอร้องให้ตนเปิดบัญชี โดยอ้างว่าเพื่อเป็นบัญชีเงินเดือนสำหรับหลาน ซึ่งตนเองก็รักน้องสาวและเชื่อใจจึงได้เปิดให้

จึงได้เปิดบัญชีไว้ให้โดยไม่รู้มาก่อนว่าบัญชีของตนเองจะถูกไปใช้เป็นบัญชีม้าของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และถูกผู้เสียหายแจ้งความไว้ถึง 3 ท้องที่ ซึ่งตนเองอยากฝากให้คนที่จะทำธุรกรรมหรือมีคนมาชักชวนให้เปิดบัญชีไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้องหรือคนรู้จัก ให้ระมัดระวังเพื่อไม่ให้เหตุการณ์ที่ตัวเองเจอไปเกิดกับใครอีก  

ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม จ.ส.ต.อดิศร สุนทร ผบ.หมู่ ส.ทล.3 กก.2 บก.ทล. โทร. 086-1746787