ครั้งหนึ่งในชีวิต หนุ่มเจอ "คู่แท้ทางพันธุกรรม" โอกาสน้อยมากเพียง 1:5 หมื่น

หนุ่มรีวิวประสบการณ์ ครั้งนึงในชีวิต บริจาคสเต็มเซลล์ เจอ คู่แท้ทางพันธุกรรม โอกาสเพียง 1:50,000 เล่าละเอียดตั้งแต่แรกจนจบ

กลายเป็นเรื่องราวที่ได้รับความสนใจอย่างมาก กรณีหนุ่มเผยประสบการณ์ ครั้งนึงในชีวิต  บริจาคสเต็มเซลล์ เจอ "คู่แท้ทางพันธุกรรม" โอกาสที่จะตรงกันน้อยมากเพียง 1:50,000 เท่านั้น ถือเป็นกุศลครั้งใหญ่ โดยระบุว่า ครั้งนึงในชีวิต ได้เจอกับ “คู่แท้ทางพันธุกรรม”  ตั้งใจจะรีวิวประสบการณ์ไว้เป็นวิทยาทานสักพักแล้ว แต่ว่ายุ่งมาก เพิ่งจะว่างช่วงปิดปีใหม่ เป็นประสบการณ์ ที่รู้สึกว่าสุดๆแล้วในปีนี้แล้ว ยาวมากแต่อยากให้ค่อยๆอ่านกันนะ

นุ่มเจอ คู่แท้ทางพันธุกรรม โอกาสน้อยมากเพียง 1:5 หมื่น
    
 

จริงๆมันคือ การบริจาคเซลล์ต้นกำเนิด (stemcell) ที่เป็นส่วนของ เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด ให้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคร้ายแรงเกี่ยวกับเลือด เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โรคไขกระดูกฝ่อ หรือโรคทางเลือดร้ายแรงอื่นๆ
     

แต่การบริจาคได้นั้น ไม่ได้ง่ายเหมือนการบริจาคเลือดทั่วๆไป ต้องมีการตรงกันของพันธุกรรม HLA ซึ่งในคนทั่วๆไปมีโอกาสตรงกันน้อยมาก 1:50,000 แล้วการที่เราโชคร้ายป่วยเป็นโรคเลือดร้ายแรง แล้วเจอคนที่มี HLA ตรงกันยิ่งยากขึ้นไปอีก พอเจอแล้วความพร้อมและโอกาสที่จะบริจาคได้ก็ต้องมาลุ้นกันอีกทีอีก เลยเรียกอีกอย่างนึงได้เลยว่าเป็น “คู่แท้ทางพันธุกรรม” เลย ในส่วนของข้อมูลขออธิบายไม่ละเอียดมาก แต่อยากจะแชร์ประสบการณ์และก็ขั้นตอนต่างๆในการบริจาคคร่าวๆนะ

นุ่มเจอ คู่แท้ทางพันธุกรรม โอกาสน้อยมากเพียง 1:5 หมื่น

จุดเริ่มต้น คือ เราได้ลงทะเบียนประสงค์จะบริจาดเสต็มเซลล์ ตอนที่ไปบริจาคเลือดที่สภากาชาดไทย   เมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว เพราะได้เห็นข้อมูลรีวิวในพันทิพ ตอนนั้นดังมากๆนะ แต่ก็ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะมีประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี่เหมือนเค้า โดยจะมีการเก็บตัวอย่างเพิ่มตอนบริจาคเลือด เพื่อไปตรวจ HLA เก็บไว้ในฐานระบบ รอวันที่จะเจอคนที่ตรงกับเรา

  แล้ววันนั้นก็มาถึง มีเบอร์จาคสภากาชาดโทรมา ในวันเกิดของเราปีนี้พอดีเลย แจ้งว่ามีผู้ป่วยที่ต้องการรับการบริจาคเสต็มเซลล์ จากข้อมูลในระบบน่าจะตรงกันกับเรา ถ้าประสงค์จะบริจาค จะต้องเข้ามาเก็บตัวอย่างเลือดเพื่อตรวจให้ละเอียดอีกที 


     ตอนนั้นตื่นเต้นมาก เรารีบตอบกลับไปเลย ว่า “ประสงค์จะบริจาค” แล้วก็ทำการนัดวันเข้าไปตรวจ วันตรวจก็จะมีการเจาะเลือด แล้วก็คุยรายละเอียดคร่าวๆ หลังจากนั้นก็รอผลอีกสักพักนึง วันที่ผลออก ทางสภากาชาดก็โทรแจ้งว่าผลตรงกัน ก็มีการนัดหมายเข้าไปตรวจเลือดและร่างกายในขั้นตอนถัดไป


      กระบวนการก่อนที่จะบริจาคจะมีความยุ่งยากนิดหน่อย จะต้องมีการวางแผนดีๆ วันที่ตรวจร่างกาย ก็จะมีเก็บตัวอย่างเลือดเพิ่ม ต้องตรวจคลื่นหัวใจ แล้วก็ เอ็กซเรย์ปอด แต่ที่ต้องลุ้นมากๆคือ ตรวจเส้นเลือดที่แขนว่ามีขนาดที่ผ่านไหม เพราะถ้าไม่ผ่าน จะต้องสวนเส้นเลือดที่คอ!!! ผลปรากฏว่า เส้นเลือดที่แขนของเราไม่ผ่าน จะต้องมีการแอดมิดเข้ามาเพื่อใส่สายสวนเส้นเลือดที่คอ!!!


     ตรวจอะไรเสร็จแล้ว ก็เข้าพบคุณหมอเพื่อฟังข้อมูลและยื่นยัน สำหรับข้อมูลของคนไข้จะไม่มีการเปิดเผย หมอแจ้งให้ทราบแค่เพียงว่า เป็นเพศหญิง อยู่ต่างประเทศ แล้วก็คุยถึงขั้นตอนต่างๆ พร้อมทั้งให้เรายืนยันว่ายังต้องการบริจาคอยู่ไหม เพราะเราเป็นเคสที่ต้องสวนเส้นเลือดที่คอ คุณหมอบอกว่าเป็นสิทธิ์ของเราที่จะปฎิเสธ แต่อยากให้ปฎิเสธเลยตอนนี้ เพราะถ้าเริ่มกระบวนการไปแล้วยกเลิก จะลดโอกาสรอดของผู้ป่วย  เราก็ยังคงยืนยันว่าต้องการบริจาค จึงได้ทำการเซ็นเอกสารต่างๆแล้วทำการนัดหมายเพื่อเริ่มกระบวนการต่อไป


     ก่อนเริ่มกระบวนการแอดมิดเข้าเจาะเส้นเลือดที่คอ เราจะต้องมีการรับยากระตุ้นไขกระดูก ประมาณ 3 วันก่อนเข้า รพ จะฉีดทุกเช้า โดยเราสามารถขอฉีดที่ รพ ใกล้บ้านได้ ยากระตุ้นจะทำให้ไขกระดูกผลิตและปล่อยสเต็มเซลล์ออกมาที่เลือด จะมีผลข้างเคียงคือปวดกระดูก แต่โชคดีที่เราไม่เป็นอะไรเลย ชิลมาก มีพอรำคาญนิดๆหน่อยๆ


     ละวันที่เข้าแอดมิดก็มาถึง เราเข้า รพ ในช่วงเช้า แล้วรอเจาะคอเลยในช่วงบ่าย ตอนเข้าห้องผ่าตัด กลัวมากๆ ระหว่างทำก็จะรู้สึกเจ็บๆจุกๆ หลังจากนั้นมันจะมีสายที่คาไว้ ทำให้ลำบากตอนนอนนิดหน่อย รอเก็บเซลล์วันรุ่งขึ้น

นุ่มเจอ คู่แท้ทางพันธุกรรม โอกาสน้อยมากเพียง 1:5 หมื่น


    วันแรกที่เก็บเสต็มเซลล์ ก็จะต้องรับยาอีกครั้งในช่วงเช้า แล้วก็เริ่มเดินเครื่องประมาณ 5 ชม เราก็นอนเฉยๆ ในช่วงที่เลือดเราถูกปั่นเข้าเครื่องแยก จะมีผลข้างเคียงอย่างนึงที่อาจเกิดขึ้นได้ คือ อาการชา และเป็นตะคริว แต่เราไม่มีอาการอะไรเลยจนพยาบาลงง พยาบาลจะเข้ามาเช็คทุกๆ 15 นาทีและมีให้ดื่มแคลเซียมเสริมเพื่อป้องกันอาการชา เมื่อเสร็จตามเวลาแล้ว จะต้องรอตรวจก่อนว่าได้จำนวนสเต็มเซลล์ตามที่กำหนดไหม ถ้าไม่ได้ครบก็จะต้องทำอีกครั้งในวันพรุ่งนี้


     ผลออกมาได้สเต็มเซลล์ครบ จริงๆให้เกินไปเยอะมาก จึงสิ้นสุดการเก็บเซลล์ได้เลย ขั้นตอนสุดท้ายที่ตามรีวิวเก่าๆบอกจะเป็นขั้นตอนที่เจ็บที่สุด เพราะตอนถอดสายไม่ได้ใช้ยาชาเหมือนตอนใส่ ตอนแรกกลัวมากกก แต่สุดทายคุณหมอก็แกะ แล้วก็ดึงสายออกจะคอ จะมีความรู้สึกพรืดดด มีเลือดไหลนิดหน่อย แล้วหมอก็จะกดเส้นเลือดไว้ 15 นาที ไม่ได้เจ็บอย่างที่คิดเลย
    สุดท้ายกระบวนการบริจาคก็เสร็จสมบูรณ์ผ่านไปด้วยดี ที่เหลือก็จะเป็นฝั่งคนไข้แล้ว เราคาดหวังและอวยพรให้ทางนู้นก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีเช่นกัน ป่านนี้เค้าก็น่าจะกลับมาแข็งแรงและมีชีวิตอย่างมีความสุขแล้ว 


     ยาวมากกก ถ้าใครอ่านมาถึงตรงนี้ก็ขอบคุณมากๆๆ อยากจะเล่าให้ข้อมูลไว้ ถ้าใครที่ไม่กลัว และมีความพร้อมเราก็อยากจะให้ไปลงทะเบียนไว้กันเยอะๆนะ จะได้เพิ่มโอกาสการที่ผู้ป่วยจะเจอหนทางรอด แต่ถ้าใครไม่สะดวก หรือไม่กล้า ไม่เป็นไรเลย อาจจะแค่แชร์ออกไปให้คนได้เห็นเยอะๆเราก็ขอบคุณมากๆแล้ว สำหรับใครอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมก็สามารทักมาถามได้นะ 
#รีวิว #บริจาคสเต็มเซลล์ #สภากาชาดไทย #บริจาคเลือด

ขอบคุณ Mac T. Chutipong