- 04 ม.ค. 2568
สุวิทย์ ทองประเสริฐ "อดีตพระพุทธะอิสระ" ตอบชาวเน็ตชัด ๆ หลังเจอถาม ทำไมหลวงปู่ว่าอาจารย์เบียร์ปากพล่อยครับ
สุวิทย์ ทองประเสริฐ "อดีตพระพุทธะอิสระ" ตอบชาวเน็ตชัด ๆ หลังโดนติงเรื่องไปว่า อ.เบียร์ คนตื่นธรรม ปากพล่อย งานนี้เจ้าตัวออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara) ว่า
๔ มกราคม ๒๕๖๘
Pimol Preamprasong
ผมเคารพศรัทธาหลวงปู่เสมอมาครับ แต่ทำไมหลวงปู่ว่าอาจารย์เบียร์ปากพล่อยครับ ผมว่าไม่ใช่นะครับมันไม่น่าใช้กับอาจารย์เบียร์ เขาเป็นคนตรงพูดตรงคิดเร็วพูดเร็ว ใช้คำว่าปากไวดีกว่าครับหลวงปู่ ปากพล่อยไปว่านักการเมืองชั่วๆที่พูดทำร้ายบ้านเมืองดีกว่าไหมครับ หลวงปู่ก็รู้ดีว่าปัจจุบันนี้มีนักการเมืองปากพล่อยเต็มบ้านเต็มเมือง ทำแต่เรื่องเลวๆเพื่อตนเองและพวกพ้อง ส่วนอาจารย์เบียร์ทำเพื่อส่วนรวมและพระพุทธศาสนานะครับ.
ฉันเขียนบทความตั้งหลายบรรทัด มีทั้งชมและติ ถึงขนาดเอาผลงานของจานคุณไปเปรียบกับผลงานของมหาลังสงฆ์ทั้ง ๒ แห่ง ว่าจานของคุณมีผลงานที่สังคมรับรู้ จับต้องได้ในการเผยแพร่ธรรม แต่คุณก็ไม่อ่าน หรืออ่านแล้วก็ไม่สำเหนียก แล้วก็มาสำเหนียกแค่คำว่า ปากพล่อย หรือคุณคิดว่าจานของคุณเป็นผู้บริสุทธิ์ วิเศษดังอรหันต์ ทำ พูด คิด ไม่ผิดพลาดเลยงั้นหรือ
แต่ไม่ว่ายังไงพุทธะอิสระต้องขอขมาอภัยที่เขียนว่าอาจารย์ของคุณว่า ปากพล่อย มันล้วนมีที่มาจากเหตุหลากหลายดังตัวอย่างเช่น สิ่งที่จานคุณตอบคำถามแก่ผู้ถามว่า มีพระเถระบางรูปตายแล้วร่างกายไม่เน่าเปื่อย เช่นนี้ถือว่าเป็นผู้มีคุณวิเศษใช่หรือไม่ (ถามประมาณนี้)
จานของคุณก็ตอบโผล่ออกมาเลยว่า จะวิเศษอะไร หมามันตายแล้วศพยังไม่เน่าก็มี
แล้วคุณคิดว่า ตอบแบบนี้ปากพล่อยไหม ?
หากคุณเป็นผู้ที่เคารพ ศรัทธาพระเถระรูปนั้น การที่มีผู้ที่มากล่าวเหยียดหยาม ดูหมิ่น เปรียบเปรยอาจารย์เขา ไม่ต่างอะไรกับหมาแบบนี้ เป็นคุณๆ จะคิดอย่างไร ?
มันก็เหมือนกับนักบวชหัวโล้นห่มเหลืองบางคน ที่พูดสอนลูกศิษย์ออกสื่อว่า ถวายข้าวพระพุทธ ได้บุญไม่เท่ากับให้ข้าวให้น้ำหมากิน แบบนี้คนพุทธทั้งโลกเขาจะรู้สึกอย่างไร ?
เช่นนี้แหละ ที่เขาเรียกว่า ปากพล่อย พูดไม่คิด
ส่วนประเด็นที่พระเถระ มรณภาพ แล้วร่างกายไม่เน่าไม่เปื่อย และมีเหตุการณ์คล้ายๆ กันก็เคยมีมากแล้วในครั้งพุทธกาล เช่น
- พระอานนท์เถระ ดำรงอายุสังขารอยู่นานถึง ๑๒๐ ปี พิจารณาเห็นว่าสมควรที่จะปรินิพพานได้แล้ว ท่านจึงเชิญญาติทั้งฝ่ายศากยะและฝ่ายโกลิยะ ไปที่ริมฝั่งแม่น้ำโรหิณี ซึ่งกั้นเขตแดนระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์ และกรุงเทวทหะ ก่อนที่จะปรินิพพาน ท่านเหาะขึ้นไปบนอากาศได้แสดงธรรมสั่งสอนเทวดาและพระประยูรญาติทั้งสองฝ่าย ตลอดทั้งพุทธบริษัทอื่น ๆ เมื่อจบพระธรรมเทศนาแล้วท่านได้ตั้งสัตยาธิษฐานว่า
“เมื่ออาตมานิพพานแล้ว ขอให้อัฐิธาตุของอาตมานี้จงแยกออกเป็น ๒ ส่วน จงตกลงที่ฝั่งกรุงกบิลพัสดุ์ ของพระประยูรญาติฝ่ายศากยวงศ์ ส่วนหนึ่ง และจงตกที่ฝังกรุงเทวทหะของพระประยูรญาติฝ่ายโกลิยวงศ์ส่วนหนึ่ง เพื่อป้องกันมิให้พระประยูรญาติทั้งสองฝ่ายทะเลาะวิวาทกันเพราะแย่งอัฐิธาตุ”
ครั้นอธิษฐานเสร็จแล้ว ก็ดับขันธปรินิพพาน ณ เบื้องบนอากาศ ในท่ามกลางแม่น้ำโรหิณี นั้น เตโชธาตุก็เกิดขึ้น เผาสรีระของท่านเหลือแต่กระดูกและแยกออกเป็น ๒ ส่วน แล้วตกลงบนพื้นดินของ ๒ ฝั่งแม่น้ำโรหิณีนั้นสมดังที่ท่านอธิษฐานไว้ทุกประการ
อีกซักตัวอย่างหนึ่งก็คือ
- พระมหากัสสปเถระ เมื่อทำหน้าที่เป็นประธานในการทำปฐมสังคายนาแล้ว ได้พักอยู่ที่พระเวฬุวันมหาวิหาร กรุงราชคฤห์ ดำรงอยู่ถึง ๑๒๐ ปี ก่อนที่ท่านจะนิพพาน ๑ วัน ท่านได้ตรวจดูอายุสังขารของท่านแล้วทราบว่าจะอยู่ได้อีกเพียงวันเดียวเท่านั้น ท่านจึงประชุมบรรดาภิกษุผู้เป็นศิษย์ของท่านแล้วให้โอวาทเป็นครั้งสุดท้าย สั่งสอนภิกษุผู้ยังเป็นปุถุชนมิให้เสียใจกับการจากไปของท่าน ให้พยายามทำความเพียรและอย่าประมาท
แล้วพระเถระก็เข้าไปถวายพระพรลาพระเจ้าอชาตศัตรู จากนั้นท่านได้พาหมู่ภิกษุไปยังภูเขากุกกุฏสัมปาตบรรพต แสดงอิทธิปาฏิหาริยิ์ ให้โอวาทแก่พุทธบริษัทแล้ว อธิษฐานจิตขอให้ภูเขาทั้ง ๓ ลูกมารวมเป็นลูกเดียวกัน ซึ่งในภูขาทั้ง ๓ ลูกนั้นมีภูเขาเวภารบรรพตสถานที่ทำปฐมสังคายนารวมอยู่ด้วย แล้วท่านก็ดับขันธ์เข้าสู่พระนิพพาน ณ ที่นั้น
ท่านยังอธิษฐาน ขอให้สรีระของท่านยังคงสภาพเดิมไม่สูญสลาย จนกระทั่งพระศาสนาพระศรีอริยเมตไตร ซึ่งพระองค์จะพาหมู่ภิกษุสงฆ์มายังภูเขากุกกุฏสัมปาตบรรพตแล้ว ยกสรีระของพระเถระวางบนพระหัตถ์ขวาชูขึ้นประกาศสรรเสริญคุณของพระเถระแล้ว เตโชธาตุก็จะเกิดขึ้นเผาสรีระของท่านบนฝ่าพระหัตถ์ของพระศรีอริยเมตไตรพุทธเจ้านั้น
เหล่านี้คือตัวอย่างของผู้ที่กายไม่เน่า หลังมรณภาพแล้ว ไม่รู้ว่าจานของคุณเคยศึกษามาไหม ?
พุทธะอิสระ