น่าห่วง 4 จังหวัดอีสาน ผู้ป่วย"ไข้หูดับ"พุ่ง 197 ราย ดับแล้ว 22 ราย

น่าห่วง 4 จังหวัดอีสาน ผู้ป่วย"ไข้หูดับ"พุ่ง 197 ราย ดับแล้ว 22 ราย ย้ำ ปชช. "กินสุก ร้อน สะอาด" ไม่กินหมูดิบ เลิกความเชื่อผิดๆ บีบมะนาว หรือดื่มสุรา จะทำให้หมูสุก พร้อมแนะ 5 วิธีป้องกันโรคไข้หูดับ

อุทาหรณ์ชั้นดีสำหรับสายกินดิบที่หลายคนอาจมองข้าม นอกจากเสี่ยงเป็น "พยาธิ" แล้ว ยังเสี่ยงต่อการเป็น "ไข้หูดับ" อีกด้วย โดยเมื่อวันที่  7 ม.ค.2568 ที่ผ่านมา นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา ได้เผยข้อมูลโรคไข้หูดับ ใน 4 จังหวัดอีสานตอนล่าง ในเขตสุขภาพที่ 9 ว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ถึง 2 มกราคม 2568 เขตสุขภาพที่ 9 พบผู้ป่วย โรคไข้หูดับ มากถึง 197 ราย และมีผู้เสียชีวิตถึง 22 ราย  

  น่าห่วง 4 จังหวัดอีสาน ผู้ป่วย\"ไข้หูดับ\"พุ่ง 197 ราย ดับแล้ว 22 ราย

 


 

เมื่อแยกเป็นรายจังหวัด พบว่า ยอดผู้ป่วยโรคไข้หูดับมากที่สุดในพื้นที่อีสานตอนล่าง ช่วงปี 2567 มีดังนี้ 
 

  • จังหวัดนครราชสีมา มีผู้ป่วย 120 ราย เสียชีวิต 10 ราย 
  • จังหวัดชัยภูมิ มีผู้ป่วย 37 ราย เสียชีวิต 7 ราย
  • จังหวัดสุรินทร์ มีผู้ป่วย 24 ราย เสียชีวิต 3 ราย 
  • จังหวัดบุรีรัมย์ มีผู้ป่วย 16 ราย เสียชีวิต 2 ราย 

โดยกลุ่มอายุที่ป่วยสูงสุดคือ กลุ่มอายุ 65 ปีขึ้นไป รองลงมาคือ กลุ่มอายุ 55-64 ปี และกลุ่มอายุ 45-54 ปี ตามลำดับ ซึ่งจากการประเมินความเสี่ยงอย่างรวดเร็วในเขตสุขภาพที่ 9 พบว่า ยอดผู้ป่วยและเสียชีวิตจากโรคไข้หูดับในปี 2567 เพิ่มสูงขึ้นมากกว่าปี 2566 และมีความเสี่ยงอยู่ในระดับที่สูง ควรกิน “สุก ร้อน สะอาด” ไม่กินหมูดิบ ให้กินหมูที่ปรุงสุกเท่านั้น และความเชื่อที่ว่า บีบมะนาว หรือดื่มสุรา ร่วมกับการกินหมูดิบ หรือหมูสุกๆ ดิบๆ จะทำให้หมูสุก ก็เป็นความเชื่อที่ผิด 

น่าห่วง 4 จังหวัดอีสาน ผู้ป่วย\"ไข้หูดับ\"พุ่ง 197 ราย ดับแล้ว 22 ราย

ซึ่งข้อมูลรายงานจากโปรแกรมตรวจสอบข่าวการระบาดปี 2561–2565 พบจังหวัดนครราชสีมา มีผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง ส่วนอีก 3 จังหวัด คือ จ.บุรีรัมย์ จ.สุรินทร์ และ จ.ชัยภูมิ ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต แต่เมื่อเข้าปี 2566 กลับพบว่า จำนวนผู้ป่วยสูงกว่าค่ามัธยฐาน 5 ปีย้อนหลัง โดย 4 จังหวัดในเขตสุขภาพที่ 9 มีรายงานผู้เสียชีวิต 10 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในรอบ 5 ปีย้อนหลัง 

 ในขณะที่ปี 2567 ที่ผ่านมา จำนวนผู้ป่วยกลับเพิ่มสูงขึ้นกว่า ปี 2566 และผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ดังนั้น จะต้องเร่งดำเนินการจัดการความเสี่ยงอย่างเข้มข้นใน จ.นครราชสีมา และเฝ้าระวังการเกิดโรคไข้หูดับใน 3 จังหวัดที่เหลือ โดยจำเป็นต้องทำงานแบบบูรณาการกับหลายหน่วยงาน เข้ามามีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาตามแนวคิด “สุขภาพหนึ่งเดียว” จึงจะสามารถยุติปัญหาได้อย่างแท้จริง 

แนะนำ 5 วิธีป้องกันโรคไข้หูดับ

1.ไม่รับประทานเนื้อหมู รวมทั้งเครื่องในหมู ดิบ หรือปรุงสุกๆดิบๆ

2.เลือกบริโภคเนื้อหมูที่มาจากแหล่งผลิตที่ได้มาตรฐาน ไม่รับประทานหมูที่ป่วย หรือ หมูที่ตายจากโรค

3.ควรแยกภาชนะและอุปกรณ์สำหรับอาหารดิบและสุกออกจากกัน เช่น เขียง จาน ตะเกียบ ช้อน ส้อม เป็นต้น รวมทั้งไม่ควรใช้เขียงที่หั่นเนื้อหมูดิบ ในการหั่นผักที่ใช้ทานสดๆ เนื่องจากอาจปนเปื้อนเชื้อดังกล่าว

4.ผู้ที่เลี้ยงหมู ผู้ที่ทำงานในโรงฆ่าสัตว์ สัตวบาล สัตวแพทย์ ควรใส่เสื้อผ้าปกปิดมิดชิด ใส่รองเท้าและถุงมือทุกครั้งเมื่อเข้าไปทำงานที่สัมผัสกับหมูหรือเนื้อหมู หลีกเลี่ยงการจับหมูที่ตายด้วยมือเปล่า และล้างมือทุกครั้งหลังการสัมผัส หากมีบาดแผลต้องปิดแผลให้มิดชิด เพื่อป้องกันการสัมผัสโรคจากหมูที่ป่วย

5.ผู้ที่จำหน่าย ควรรับเนื้อหมูมาจากโรงฆ่าสัตว์ที่ได้มาตรฐาน เก็บเนื้อหมูที่จะขายในอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 10°C และทำความสะอาดแผงด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทุกวันหลังเลิกขาย

น่าห่วง 4 จังหวัดอีสาน ผู้ป่วย\"ไข้หูดับ\"พุ่ง 197 ราย ดับแล้ว 22 ราย

 
ทั้งนี้ หากประชาชนมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะอย่างรุนแรง เวียนศีรษะจนทรงตัวไม่ได้ อาเจียน คอแข็ง หูหนวก ท้องเสีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หลังรับประทานเนื้อหมู รวมทั้งเครื่องในหมู ดิบ หรือ ปรุงสุกๆดิบๆ หรือหลังสัมผัสหมูที่ป่วย ให้รีบไปพบแพทย์ทันที พร้อมแจ้งประวัติการรับประทานอาหาร หรือการสัมผัสให้แพทย์ทราบ เพื่อรับการตรวจรักษาที่ถูกต้อง และรวดเร็ว จะช่วยลดอัตราการสูญเสียการได้ยินถาวร และลดการเสียชีวิตได้
 
ขอบคุณ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข