- 25 มิ.ย. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
สืบเนื่องจากกรณีสุดสะเทือนขวัญ เมื่อเจ้าหน้าที่พบศพหญิงผมแดงอายุประมาณ 30-35ปี ถูกฆ่าหั่นศพเป็น 14 ชิ้น แต่พบในจุดเกิดเหตุ13 ชิ้นอยู่ในถุงปุ๋ยโดยส่วนศีรษะถูกแยกอยู่ในกระเป๋าเป้สีดำ ห่ออยู่ในถุงดำและผ้าสีแดงอีกชั้นแยกต่างหาก โดยศพถูกทิ้งไว้ประมาณ 3-4วัน จนมีผู้มาพบ
ต่อมาทราบว่าฆาตกรที่ลงมือในครั้งนี้คือ นายธนกฤต หรือวุธ ประกอบ อดีตแฟนหนุ่มของผู้ตาย ได้ออกอุบาย ให้ผู้ตายไปที่ห้องก่อนใช้ค้อนกระหน่ำทุบไปที่ศีรษะของฝ่ายหญิงจนเสียชีวิตและเก็บร่างไว้ภายในห้อง จากนั้นเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ที่ผ่านมา ได้ใช้อาวุธมีดจำนวน 6 เล่ม ชำแหละศพโดยแยกออกเป็นชิ้นส่วน ( รวบอดีตแฟนสาวผมแดง!!!ผบช.น.ลุยเค้นสอบ เจอกล้องวงจรปิดขณะกำลังลากกระเป๋าซุกอวัยวะศพโดนชำแหละ!?? )
ขณะที่ทางด้าน นางสมศรี หาญอนันทสุข กรรมการสมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน มูลนิธิเพื่อนหญิง และอดีตประธานองค์กรสิทธิมนุษยชน แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวว่า คดีดังกล่าวกระแสสังคมก็ออกมาเรียกร้องให้ประหารชีวิต ซึ่งตนเองก็ยังคงยืนยันคำเดิมคือ คัดค้านการประหาร เนื่องจากนายธนกฤต ผู้ต้องหา ไม่ใช่อาชญากรโดยกำเนิด จึงไม่ควรละเมิดสิทธิมนุษยชน ดังนั้นฆาตกรไม่มีสิทธิ์ไปละเมิดเหยื่อ และสังคมก็ไม่มีสิทธิ์ไปละเมิดสิทธิผู้ต้องหาเช่นกัน
"คดีฆ่าหั่นศพนี้ไม่ใช่คดีแรก เคยเกิดขึ้นแล้ว คือ คดีนายแพทย์วิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ อดีตสูตินารีแพทย์ ฆ่าหั่นศพภรรยาของตัวเอง และเมื่อนายแพทย์วิสุทธิ์ ได้รับโทษ เขาก็สำนึกและทำประโยชน์ตั้งแต่อยู่ในเรือนจำ จนพ้นโทษออกมาตอนนี้ก็บวชเป็นพระแล้ว เพราะเขาไม่ใช่ฆาตกรโดยกำเนิด เป็นเพียงเพราะความหึงหวงและอารมณ์ชั่ววูบ"
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุด ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ได้มีการพูดคุยถึงประเด็นดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ "ทนายคลายทุกข์" พร้อมกับระบุข้อความประกอบด้วยว่า จำนนต่อหลักฐานต้องประหารสถานเดียว ไอ้วุธฆ่าหั่นศพสาวร้อยเอ็ด 14 ท่อน
จำนนต่อหลักฐานไม่จำเป็นต้องอาศัยคำรับสารภาพมาพิสูจน์ความผิด ประหารสถานเดียว และตำรวจควรแจ้งข้อหาเพิ่มว่าฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพราะมีเวลาทบทวนที่จะใช้ค้อนทุบตีผู้ตายหลังจากสลบไปหลายชั่วโมงคนแบบนี้ไม่ควรปล่อยไว้เป็นอันตรายต่อสังคมอย่างร้ายแรง แอมเนสตี้ช่วยหยุดพูดเลยนะครับช่วงนี้