- 05 ก.พ. 2560
ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th
หลวงปู่พิบูลย์ นามเดิมชื่อ พิบูลย์ เกิดที่บ้านพระเจ้า ตำบลมะอึ อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด บิดาชื่อสา มารดาชื่อโสภา นามสกุลแซ่ตัน บิดาเป็นคนจีน มารดาเป็นคนจังหวัดร้อยเอ็ด มีอาชีพทำร่ทำนาและค้าขายจนมีฐานะมั่นคง ตามปกติหลวงปู่มีอุปนิสัยชอบทำบุญบำเพ็ญทานแก่พระภิกษุและคนทุกข์คนจนผู้ตกทุกข์ได้ยากเพราะหลวงปู่เห็นว่า ผลบุญกุศลที่ได้ทำแล้วจะทำให้เกิดบุญกุศลเกิดความสุขในภพนี้ และภพหน้า บุญกุศลเป็นความดีและเป็นเครื่องห้ามกั้นไม่ให้ไปสู่อบาย หลวงปู่เอาใจใส่ทั้งการบำเพ็ญทาน รักษาศีล เจริญเมตตา
ย้อนเล่าเหตุการณ์เมื่อครั้งหลวงปู่พัฒนาวัด และหมู่บ้านเป็นที่อาศัยของผู้เข้ามาอยู่เป็นอย่างดีแล้วจึงตั้งธนาคารข้าวเปลือก ธนาคารโคกระบือ และบวชผู้หญิงนุ่งขาวห่มขาวถือศีล ๘ หรือที่เรียกว่า “แม่ชี”
ในการที่หลวงปู่ได้พัฒนาหมู่บ้านทั้ง ๓ อย่างนี้ถือเป็นการดีและเป็นประโยชน์ต่อชาวบ้านเป็นอันมาก แต่เมื่อทางราชการได้ยินเรื่องนี้ ก็ทำให้ทางราชการเข้าใจผิดคิดว่าเป็น “ผีบุญ”
กบฏผู้มีบุญหรือขบถผีบุญ หรือกบฏผีบ้าผีบุญตามที่รัฐนิยามให้ ที่เกิดขึ้นในระหว่าง พ.ศ.2443-2446 หรือในยุคสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
ขณะเดียวกันก็เกิดมีผู้อ้างตัวว่าเป็นผู้มีบุญขึ้นตามหมู่บ้านต่างๆ ทั่วทั้งภาคอิสาน คือที่กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครพนม นครราชสีมา บุรีรัมย์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ สกลนคร สุรินทร์ หนองคาย อุดรธานี และอุบลราชธานี ชาวบ้านจำนวนมากเชื่อถือผู้มีบุญ และผู้มีบุญเหล่านี้มักมีพฤติกรรมคล้ายๆ กันคือ อ้างตัวว่าเป็นผู้วิเศษ จุติมาจากสวรรค์เพื่อมาบอกธรรมแก่ชาวบ้านให้ถือศีล กินถั่วกินงา ตัวผู้มีบุญมักแต่งตัวประหลาดๆ เช่น นุ่งขาวห่มขาว ถือเทียนและดอกไม้ทำน้ำมนต์ และทำพิธีตัดกรรมวางเวร หลายคนอ้างตัวว่าเป็นพระยาธรรมิกราช หรือพระศรีอาริยเมตไตรย ลงมาโปรดโลกมนุษย์ ทุกคนจะได้รับการช่วยเหลือให้รอดพ้นสมบูรณ์พูนสุขพร้อมกันทั้งสังคม ไม่ใช่การรอดพ้นทุกข์แบบตัวใครตัวมัน และบ้านเมืองก็จะ “ไม่มีเจ้ามีนาย ใบไม้จะกลายเป็นเงินเป็นทอง แผ่นดินเป็นตาผ้า แผ่นฟ้าเป็นใยแมงมุม”
เนื่องจากหลวงปู่พิบูลย์มีลูกศิษย์ลูกหาเป็นจำนวนมาก ดังนั้นทางพระอำเภอหนองหานและเจ้าคณะแขวงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงมาจับกุมหลวงปู่ และทำทารุณกรรมต่างๆนานาแล้วส่งลงไปที่กรุงเทพฯเพื่อสอบสวน
เมื่อทางการลงความเห็นว่า มีความผิด จึงส่งไปกักขังเพื่อรอการลงโทษอยู่ที่เกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี ต่อมาเจ้าหน้าที่จึงลงโทษหลวงปู่ โดยการที่เอาหลวงปู่ขังไว้ในกรงไม้แล้วเอาลงถ่วงน้ำ เมื่อผ่านไป ๗ วัน ๗ คืน
เจ้าหน้าที่คิดว่าหลวงปู่ท่านมรณภาพแน่นอนแล้วจึงดึงกรงนั้นขึ้นมาปรากฏว่าหลวงปู่ท่านยังไม่ตาย อย่าว่าแต่ตายเลย แม้จีวรที่ท่านนุ่งห่มอยู่ก็ไม่เปียก จึงทำให้เจ้าหน้าที่ และผู้ที่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวถึงกับตกตะลึงในปาฏิหารย์ของหลวงปู่ และเกิดความเลื่อมใสศรัทธาในตัวหลวงปู่เป็นอย่างมาก
จินต์จุฑา เรียบเรียง
จาก หนังสืออนุสรณ์ที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพพระครูวิบูลคุณาทร (หลวงปู่โชติ ธมฺมธโร)
http://www.baanjomyut.com/