- 25 มี.ค. 2560
ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th
ไสยมนต์ดำ และวิธีป้องกัน
คำว่า "โดนคุณไสย" ก็คือ การโดนกระทำด้วยวิชาอาคมที่มุ่งร้ายซึ่งแยกออกเป็นหลายรูปแบบด้วยกัน เช่น เสกตะปู เสกหนัง เสกผงกระดูกผีตายโหง ปั้นหุ่นขี้ผึ้ง เป็นต้น
ที่จะอธิบายในส่วนนี้ คือ อาการของคนโดนคุณไสยมนต์ดำ ซึ่งในปัจจุบันก็ยังมีปรากฏให้เห็นอยู่บ้าง ในความเชื่อและประสบการณ์ที่ผมเคยเจอมา เรื่อง การใส่ของ หรือการทำคุณไสยนั้น มิใช่ว่าจะทำกันได้ง่ายๆ (แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี) เพราะคนที่ทำก็ต้องเก่งพระเวทมนต์คาถา มีสมาธิจิตสูง (เช่น ถ้าจะเสกตะปู เสกหนัง ใส่ใคร ก็ต้องเสกจนตะปูในถาด หายไปได้เลยทีเดียว จึงจะเรียกว่าใส่ของ และในประเทศจะมีสักกี่คนที่ทำได้ถึงขนานนั้น แต่ถ้าเป็นการปั้นหุ่นขี้ผึ้งรนไฟ นี้อาจจะทำง่ายหน่อย ) แต่ถ้าคนที่ถูกปองร้าย เขาขยันทำบุญ หมั่นไหว้พระสวดมนต์ คนทำก็ไม่มีทางสัมฤทธิ์ผลแน่นอน เพราะเขามีอานิสงส์บุญ และพระพุทธมนต์คุ้มกาย การไหว้พระสวดมนต์จึงเป็นการคุ้มครองป้องกันกายเราจากพวกภูตผี และไสยมนต์ดำได้เป็นอย่างดีที่สุด
จะขอเล่าประสบการณ์ ที่เห็นคนโดนคุณไสยให้ทราบกัน
เหตุการณ์นี้ ผ่านมาแล้ว หลายปีพอสมควร มีวันหนึ่งผู้เขียนได้เดินทางไปกราบ พระอาจารย์มหาวัฒน์ วิวฑฺฒนเมธี ที่วัดสว่างหัวนาคำ กาฬสินธุ์ ซึ่งผู้เขียนมีความเคารพศรัทธาในตัวท่านมานานแล้ว ซึ่งท่านเป็นพระหนุ่มอายุไม่มาก บวชเรียนมาตั้งแต่เป็นสามเณร และท่านมีชื่อเสียงมากพอสมควรในแถบนั้น ด้วยเรื่องราวที่ผู้คนพูดกันปากต่อปากถึงอภินิหารเกี่ยวกับท่าน
วันนั้นมีคนกลุ่มหนึ่ง นำญาติที่ป่วย โดยไม่ทราบอาการว่าเป็นโรคอะไร คือ คนป่วยเขามีอาชีพ ขายของ ไปตามจังหวัดต่างๆ ด้วยรถบิกอัพส่วนตัวกับภรรยา ครึ่งเดือนบ้าง เดือนหนึ่งบ้าง จะกลับบ้านทีหนึ่ง ภรรยาเขาเล่าว่า ปกติทุกวันก็คุยกันดีๆ แต่อยู่มาวันหนึ่ง ผู้ชาย (สามี) กลับมีอาการบ่นเพ้อพูดจาไม่รู้เรื่อง มีแต่บอกว่าจะมีคนมาฆ่า แล้วต่อมาก็ไม่มีแรงน็อกไปเลย จนภรรยากลัว จึงต้องโทรให้ญาติจากต่างจังหวัดมารับแล้ว แล้วช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาล พอไปถึงโรงพยาบาล หมอนำเข้าตรวจเช็คร่างกาย ก็ไม่ปรากฏว่าเป็นโรคอะไร แต่คนป่วยกลับไม่มีแรง ร่างกายอ่อนเพลีย เมื่อหมอตรวจแล้วว่า ไม่มีโรคอะไร เลยให้กลับบ้าน ญาติก็ต้องอุ้มคนป่วยขึ้นรถกลับบ้าน แล้วต่อมาเมื่อไม่รู้ทางรักษา จึงปรึกษากันแล้วพามาหาท่านพระอาจารย์มหาวัฒน์ วิวฑฺฒนเมธี
เล่าต่อ (วันนั้นผมนั่งดูอยู่ข้างๆ) พอเห็นญาติอุ้มปีกคนป่วยมา ตอนนั้นมีคนประมาณ 10 กว่าคน พอมาถึงก็นำดอกไม้ธูปเทียนเข้าไปถวายพระอาจารย์มหาท่าน แล้วก็บอกว่า อยากให้ท่านช่วยรักษาให้ ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ไปหาหมอที่โรงพยาบาลมา หมอก็บอกว่าไม่มีอะไรผิดปกติ
ญาติคนป่วย : พระอาจารย์มหาช่วยดูให้หน่อย ว่าเขาเป็นอะไร
เสียงจากพระ : อาตมาไม่ชอบดูหมอ
ญาติคนป่วยคนอื่น :ก็วนถามคำถามเดิมอีก
พระ: ก็พูดเหมือนเดิม ว่าอาตมาไม่ชอบดูหมอ ไม่อยากทักคน มันเป็นทุกข์ แต่จะรักษาให้ แต่ไม่ต้องถามว่าเป็นอะไร
พระอาจารย์มหาท่านก็เลยบอกให้ญาติคนป่วยไปตักน้ำมนต์ในตุ่มที่ท่านทำไว้นอกกุฎิมาหนึ่งขัน พอตักมาแล้ว ก็ยื่นให้ท่าน พอท่านจับขันน้ำมนต์ หลับตาบริกรรมคาถาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็อมน้ำมนต์พ่นใส่หน้าคนป่วยที่นอนอยู่ แล้วเอามือลูบหน้า ลูบหัวคนป่วย เอาน้ำมนต์ให้คนป่วยกินแล้วท่านก็เอ่ยคำพูดขึ้นว่า "เอ้าหนีๆ มึงมาทางไหน กลับไปทางนั้น "
พอเสร็จแล้ว ท่านก็บอกให้คนป่วยลุกขึ้น เดินให้ท่านดู เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจ คือ คนป่วยลุกขึ้นเดินเองได้ พูดได้เหมือนคนปกติ ทั้งๆที่ตอนมา ญาติต้องอุ้มปีกทั้งสองข้างมาเลยทีเดียว
(แต่ปัจจุบันนี้พระอาจารย์มหาวัฒน์ ท่านไม่ทำพิธีถอนคุณไสยให้ใครแล้วนะครับ ถึงจะมีคนไปหาเพื่อให้ท่านรักษา ท่านก็จะแนะนำให้ไปหาพระอาจารย์รูปอื่นเสมอ โดยท่านให้เหตุผลว่า ท่านไม่อยากทำ และที่สำคัญ คือ พระที่ท่านเก่งๆในด้านนี้มีอยู่มาก )
ผู้เขียน ได้เรียนถามท่านถึงวิธีป้องกันคุณไสยมนต์ดำ ว่าต้องทำอย่างไร
ท่านบอกว่า..
"การไหว้พระสวดมนต์เป็นประจำ จะเป็นเกราะคุ้มครองป้องกันภัยให้แก่ตัวเราได้ดีที่สุด "
เมื่อผู้เขียนเห็นดังนั้น ก็เกิดความเชื่อขึ้นทันนี้ ว่า สิ่งลี้ลับ ที่คนโบราณเล่าขานกันมา ในเรื่อง "คุณไสยมนต์ดำนั้นมันมีอยู่จริง"
ที่มา อารยธรรมสังคมเก่า