- 29 มี.ค. 2560
ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2560 สมาชิกเฟซบุ็คท่านหนึ่ง คุณภัทร เหมสุข (Pat Hemasuk )ได้เผยแพร่ภาพและข้อความ เพื่อแสดงความคิดเห็นใน เรื่องการช่วยเหลือผู้สูงอายุ ที่มักจะมีอาการ จากโรคอัลไซเมอร์ อันเป็นภาวะสมองเสื่อมที่พบได้บ่อยที่สุดโดยจะมีการเสื่อมของเซลล์สมองทุกส่วนเป็นแล้วไม่มีวันหาย ผู้ป่วยจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเอง มีปัญหาในเรื่องการใช้ภาษา การประสานงานของกล้ามเนื้อเสียไป ความจำเสื่อม ในระยะท้ายของโรคจะสูญเสียความจำทั้งหมด
โดยคุณPat Hemasuk ได้ กล่าวว่า
"
วันนี้ผมเจอคุณตาท่านหนึ่งจำทางกลับบ้านไม่ได้ ดูแล้วไม่ใช่คนจรจัดอะไร แต่งตัวดีสะอาดสะอ้านพูดจาดีและสุภาพมาก บอกว่าอยู่แถวสำเหร่ที่ไกลจากจุดที่ผมพบเจอ แต่ผมช่วยอะไรไม่ได้นอกจากส่งเจ้าหน้าที่ให้ตรวจสอบหาญาติเพื่อส่งกลับบ้าน
ผมคิดว่าเรื่องนี้มีเทคโนโลยีง่ายๆ ที่ช่วยผู้สูงอายุที่เป็นอัลไซเมอร์ให้กลับบ้านได้ ลงทุนไม่เกินร้อยบาทเช่นใส่กำไล QR code ให้กับผู้สูงอายุ เพียงแต่เอาสมาร์ทโฟนเครื่องไหนก็ได้สแกนที่กำไลก็รู้แล้วว่า ชื่ออะไร บ้านอยู่ที่ไหน พร้อมเบอร์โทรหาลูกหลาน แม้กระทั่งเรื่องฉุกเฉินเช่น กรุ๊ปเลือด แพ้ยาอะไร เป็นโรคหัวใจที่ขาดยาไม่ได้หรือไม่ เป็นเบาหวานที่ต้องได้ยาตามเวลาหรือเปล่า ข้อมูลประกันชีวิตประกันสุขภาพ เลขที่ประกันสังคม ฯลฯ
แต่เรื่องนี้จะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าไม่รับความร่วมมือจากหน่วยงานของรัฐโดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย เพราะข้อมูลพื้นฐานที่ผมบอกนั้นอยู่ในข้อมูลระบบทะเบียนราษฎร์ และรวมถึงข้อมูลทางการการแพทย์จากทางโรงพยาบาลที่รักษาตัวอยู่ในระบบ
ผมยินดีที่จะเป็นเจ้าภาพทำกำไลแจกให้ผู้สูงอายุกลุ่มนี้นะครับ คนละไม่ถึงร้อยบาท แต่ผมไม่สามารถทำด้วยตัวเองได้ เพราะติดเรื่องข้อมูลส่วนตัวที่อยู่ในหน่วยงานของรัฐที่ต้องใส่ไว้ในกำไลนี่แหละครับ
หน่วยงานของรัฐจะเป็นเจ้าภาพทำเองไหม ผมนึกออกเจ้าแรกคือ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สมมุติว่าต้นทุนกำไลเส้นละร้อยบาท (จริงๆแล้วกำไลยางริสแบนด์ของจีนอย่างดีเส้นละ 20 บาทก็มีขาย) เงินล้านบาทก็ได้ช่วยผู้สูงอายุหมื่นคนแล้ว ซึ่งในเมืองไทยมีคนแก่เป็นอัลไซเมอร์ไม่กี่หมื่นคนหรอกครับ
ช่วยกันไลค์และแชร์ไอเดียผมให้ถึงหูเจ้ากระทรวง หรือให้เลยไปถึงลุงตู่ก็ดีครับ ทำงานสร้างบุญให้ผู้สูงอายุที่เป็นอัลไซเมอร์ทั้งประเทศไม่น่าเกิน 3 ล้านบาท คุ้มกว่าเอาเงินไปดูงานไร้สาระที่เมืองนอกเยอะครับ"