- 04 ต.ค. 2560
ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th
เทศกาลไหว้พระจันทร์ หรือ เทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วง เป็นเทศกาลตามวัฒนธรรมจีนที่มีขึ้นในกลางฤดูใบไม้ร่วง เพื่อเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยว จะมีขึ้นในคืนวันเพ็ญเดือน ๘ ตามปฏิทินจันทรคติ (กันยายนตามปฏิทินสากล) ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๐
ในเทศกาลนี้ ชาวจีนจะเฉลิมฉลองด้วยการไหว้ดวงจันทร์ในเวลากลางคืน ในบางประเทศ เช่น สิงคโปร์ หรือเวียดนาม จะจัดเป็นประเพณีใหญ่ มีการเฉลิมฉลองด้วยโคมไฟสีแดง เป็นสีสันยามค่ำคืน หรือบางแห่งอาจมีการเชิดมังกร ทั้งนี้จะมีชื่อเรียกต่างกันออกไปตามแต่ท้องถิ่น
นอกจากนี้แล้ว ยังมีขนมชนิดหนึ่ง เรียกว่า "ขนมไหว้พระจันทร์" (月饼) ที่มีสันฐานกลมคล้ายขนมเค้ก ทำจากแป้ง มีไส้ต่าง ๆ เป็นธัญพืช ใช้เซ่นไหว้และรับประทานกันจนเป็นเอกลักษณ์สำหรับเทศกาลนี้
ที่มาของเทศกาลนี้ เกี่ยวกับเทพปกรณัมจีนที่เล่าถึง นางฉางเอ๋อ : ตำนานพระจันทร์คู่โลก
เป็นเรื่องแปลกประหลาดที่สิ่งไม่มีชีวิต เช่น แผ่นดินมีแม่พระธรณีดูแลรักษาอยู่ แม่น้ำก็มีพระแม่คงคาดูแลรักษา รถยนต์หรือเรือหรือเครื่องบินก็มีแม่ย่านางอยู่เช่นกัน เป็นต้น พระจันทร์หรือดวงจันทร์ก็มีเทพธิดาหรือนางฟ้าดูแลและรักษาอยู่เหมือนกัน
ในยุคแรกๆของมนุษย์ที่เกิดบนโลกมนุษย์นั้น ได้มีเทพบุตรและเทพธิดาที่รักใคร่กันมาก ซึ่งได้ดูแล รับใช้ และปรนนิบัติซึ่งกันและกันอย่างมีความสุขบนสรวงสวรรค์ แต่เมื่อได้รับการขอร้องจาก “เง็กเซียนฮ่องเต้”ผู้เป็นใหญ่ในสรวงสวรรค์ ได้ไปขอเชิญให้ลงมาเกิดบนโลกมนุษย์เพื่อช่วยเหลือชาวโลกมนุษย์และบำเพ็ญบุญบารมีของพระโพธิสัตว์ในการจะได้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณในการจะได้ตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยเทวีหรือนางฟ้าท่านหนึ่งที่เป็นภรรยาบนสรวงสวรรค์ก็อาสาลงมาเป็นภรรยาคู่ชีวิตบนโลกมนุษย์ด้วย ถึงแม้จะต้องลำบากและทุกข์ทรมานเพียงใดก็ตาม
โดยเทพบุตรนั้นได้มาเกิดเป็นเด็กชายในครอบครัวของชาวนาในแถบเมืองจีน(ประเทศจีนในปัจจุบัน) มีชื่อว่า “โฮ่วอี้” เขาเป็นเด็กที่ดี มีปัญญาเฉลียวฉลาด มีความกตัญญู เป็นคนขยันขันแข็ง และสิ่งที่สำคัญมากก็คือเขาเป็นนักแม่นธนูที่หาผู้ใดในปฐพีจะเทียบได้ เมื่อโตเป็นหนุ่มก็ได้ผูกสมัครรักใคร่กับสาวสวยซึ่งเป็นลูกชาวนาที่หมู่บ้านใกล้ๆกัน ชื่อ “ฉังเอ๋อ”หรือ “ฉางเอ๋อ” ทั้งคู่รักใคร่และเหมาะสมกันดังกับกิ่งทองใบหยก ใครๆก็ชื่นชมยินดีในความรักและการดูแลปรนนิบัติต่อกันและกันของทั้งคู่
ซึ่งยุคนั้นเป็นในช่วงปฐมกาลของโลก ได้มีปรากฏการณ์ “พระอาทิตย์”ซึ่งเป็นโอรสทั้ง ๑๐ องค์ของเง็กเซียนฮ่องเต้(ประมุขแห่งสรวงสวรรค์)ได้แข่งขันกันส่องแสงสว่างมายังโลกมนุษย์ ทว่าการที่โอรสทั้ง ๑๐ หรือพระอาทิตย์ทั้ง ๑๐ ดวงต่างสาดแสงแรงกล้ามายังโลกมนุษย์พร้อมกันนั้น ทำให้โลกร้อนระอุและเกิดความแห้งแล้ง อีกทั้งข้าวยากหมากแพง และอดอยาก ทำให้ชาวโลกมนุษย์ สัตว์ต่างๆ และพืชทั้งหลายต่างอดอยากและล้มตายเป็นอันมาก หนุ่มโฮ่วอี้ได้ยินเสียงอธิษฐานและคำวิงวอนของมนุษย์ที่เดือดร้อนแสนสาหัส จึงขออาสาจะขอร้องเง็กเซียนฮ่องเต้ให้ช่วยเหลือ จึงได้ทำการส่งกระแสจิตอธิษฐานขอร้องและได้ห้ามมิให้ดวงอาทิตย์ทั้ง ๑๐ ขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกัน ทว่าพระโอรสทั้งหมดซึ่งกำลังดื้อและซนกลับไม่ยินยอมตามคำขอของเง็กเซียนฮ่องเต้ผู้เป็นพระบิดา ซึ่งได้รับการขอร้องและอ้อนวอนจากโฮ่วอี้ผู้อาสาเป็นตัวแทนชาวโลกมนุษย์มาอีกทีหนึ่ง
เมื่อไม่ได้รับการช่วยเหลือ ดังนั้นโฮ่วอี้จึงขึ้นไปบน "ภูเขาคุนหลุน" แล้วเล็งศร(ธนู)ยิงดวงอาทิตย์ ๙ ดวงตกลงไป เหลืออยู่เพียงดวงเดียวที่ส่องแสงมายังพื้นพิภพจนถึงทุกวันนี้ ทำให้โลกมนุษย์กลับเข้าสู่ความสงบสุขอีกครั้งหนึ่ง ฝ่ายเง็กเซียนฮ่องเต้ทราบว่าพระโอรสทั้ง ๙ ได้ถูกธนูของโฮ่วอี้ยิงตกและดับสลายไปก็พิโรธนัก ทรงตรัสแก่โฮ่วอี้ว่า “เจ้ารักใคร่โลกมนุษย์มากเสียจนกล้าทำลายแสงสว่างแห่งสวรรค์เชียวหรือ ถ้าเช่นนั้น เจ้าจะถูกเนรเทศจากสวรรค์และไปอยู่กับมนุษย์ผู้ไร้ความเป็นอมตะเหล่านั้นเสียเถิด”
ฝ่ายโฮ่วอี้นั้นกลับได้รับความชื่นชม สดุดี และยกย่องสรรเสริญให้เป็น “จักรพรรดิสวนจง”แห่งราชวงศ์ถังและฉางเอ๋อก็ได้เป็นฮองเฮาคู่พระทัยด้วย ซึ่งพระองค์ได้ปกครองบ้านเมืองอย่างสงบสุขสืบมา พระองค์และพระมเหสีก็รู้ว่าโดนเง็กเซียนฮ่องเต้สาปให้เป็นมนุษย์ธรรมดา ไม่ได้เป็นเซียนที่เป็นอมตะยืนยาวบนสรวงสวรรค์อีกแล้ว แต่ในพระทัยของพระนางฉางเอ๋อซึ่งอยากกลับไปเป็นเทพธิดา และมีสภาวะแวดล้อมที่ความสวยงามอันแวดล้อมอยู่ในสรวงสวรรค์เหมือนเดิมเมื่อหมดอายุขัยจากโลกมนุษย์แล้ว แต่ด้วยความรักและภักดีต่อสามีนางจำต้องอยู่รับชะตากรรมที่สามีได้ทำไว้ (ซึ่งเป็นบุญบารมีที่พระโพธิสัตว์ต้องกระทำเพื่อช่วยชาวโลกมนุษย์ถึงแม้ตัวเองและคนรักจะต้องรับเคราะห์กรรมอย่างทุกข์ทรมานเพียงใดก็ตาม)
พระเจ้าโฮ่วอี้ได้พยายามสร้างคุณงามความดีทุกวิถีทางและเสาะแสวงหายาอายุวัฒนะเพื่อความเป็นอมตะ เพื่อจะได้กลับไปเป็นเซียนเหมือนเดิมเมื่อหมดอายุขัยจากโลกมนุษย์ในชาตินี้ จนกระทั่งวันหนึ่งโฮ่วอี้ได้ขึ้นไปยอดเขา “คุนหลุน”เพื่อเยี่ยมมิตรสหายและศึกษาธรรมะ ในระหว่างเดินทางบังเอิญได้พบกับ “เจ้าแม่ซีหวังโม่”(ฮองเฮาแห่งสวรรค์) โฮ่วอี้จึงได้กราบขอความเมตตาและเห็นใจ ขอยาอายุวัฒนะจากพระนาง ซึ่งกล่าวกันว่ายานี้เมื่อกินเข้าไปแล้วจึงสามารถเหาะเหินขึ้นสวรรค์กลายเป็นเซียนทันที ซึ่งพระนางก็สงสารและเห็นใจ จึงตกลงให้ยา ๑ เม็ด แต่โฮ่วอี้ก็รักและสงสารภรรยาฉางเอ๋อ อยากให้นางกลับไปเป็นเซียนด้วยเหมือนกัน แต่เจ้าแม่ซีหวังโม่พระนางผู้เป็นใหญ่แห่งสรวงสวรรค์ไม่ยินยอมให้อีก แต่ก็ได้บอกให้ทั้งคู่ร่วมกันสร้างคุณงามความดีสะสมบุญบารมี โดยการปฏิบัติธรรมะเป็นระยะเวลาติดต่อกัน๑๒ เดือนจึงจะได้ยาอีก ๑ เม็ด โฮ่วอี้จึงได้ไปบอกภรรยาและชวนกันสร้างบุญบารมีและปฏิบัติธรรมะถือศีลกินเจอย่างเข้มงวดและครบ ๑๒ เดือนอย่างต่อเนื่องไม่ขาดตกบกพร่องแต่อย่างใด จนได้ยาอายุวัฒนะมาอีก ๑ เม็ดด้วยอำนาจแห่งบุญบารมีที่ร่วมกันทำนั้นเอง โฮ่วอี้ได้ให้ภรรยาเก็บไว้ทั้ง ๒ เม็ด ตอนแรกเก็บไว้ที่ลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งของนาง แต่ตอนหลังย้ายขึ้นไปเก็บไว้บนเพดานห้องนอนเพราะกลัวคนอื่นจะรู้และมาขโมยไปกิน
ซึ่งในบ้านพักของทั้งคู่มีคนรับใช้ใกล้ชิดและฝากตัวเป็นศิษย์ของโฮ่วอี้เพื่อเรียนวิชายิงธนูด้วย เป็นหนุ่มชื่อ “เผิงเหมิง”เป็นคนไม่ซื่อและเนรคุณ แอบได้ยินเรื่องราวของยาอายุวัฒนะ จึงอยากได้และจะนำมากินเพื่อจะได้เป็นอมตะและกลายเป็นเซียนนั้นเอง
วันหนึ่งเผิงเหมิงวางแผนการณ์ไว้ เมื่ออาจารย์จะพาลูกศิษย์ทั้งหลายไปฝึกธนูภาคสนามคือล่าสัตว์ในป่า แต่ตัวเองแกล้งทำเป็นป่วยไม่สบาย เมื่อสบโอกาสก็ได้นำกระบี่ไปข่มขู่ให้ฉางเอ๋อมอบยาอายุวัฒนะมาให้กับตนเอง หากไม่ให้จะถูกฆ่าตาย พระนางฉางเอ๋อสู้ไม่ได้จำต้องยอม โดยนางขอบันไดปีนขึ้นบนชั้นเพดานที่เก็บยาไว้และได้ขอร้องให้เปิดหน้าต่างไว้ให้มีแสงสว่างเพราะมืดมองไม่เห็น เมื่อได้ยามาแล้วพระนางก็ตัดสินใจกลืนกินทันที แล้วรีบกระโดดออกทางหน้าต่างหวังให้ตกลงไปตายข้างล่าง ดีกว่าให้ยาแก่คนชั่วเช่นเผิงเหมิงคนเนรคุณคนนี้
แต่อนิจจาแทนที่ร่างของนางจะตกลงพื้นเบื้องล่าง แต่ร่างของพระนางได้ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าสูงขึ้นๆ กลายเป็นเทพธิดากลายเป็นเซียนบนสรวงสวรรค์ แต่พระนางยังรักและคิดถึงพระสวามีโฮ่วอี้จึงไม่อยากหนีไปไกล อยากอยู่ใกล้และเห็นหน้ากันบ้าง พระนางจึงได้ลอยไปอยู่ที่ดวงจันทร์ซึ่งใกล้กันกับโลกมนุษย์ซึ่งสามารถมองเห็นกันได้บ่อยๆนั้นเอง
เมื่อโฮ่วอี้กลับมาได้ทราบความจริงทุกอย่างจากสาวรับใช้ที่ทำสวนอยู่ ก็เศร้าโศก เสียใจ รักอาลัยและห่วงหาภรรยาเป็นหนักหนา และโกรธเผิงเหมิงลูกศิษย์อกตัญญูอย่างยิ่งแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะได้หลบหนีไปไกลแล้ว เมื่อโฮวอี้ทราบว่าภรรยาได้กลายเป็นเทพธิดาและเป็นเซียนบนสวรรค์ก็โหยหา อยากพบหน้าและอยากอยู่ใกล้ชิดเช่นเดิม ในตอนกลางคืนของคืนวันนั้น(วันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๘)พระองค์ได้มาอยู่กลางแจ้ง เหม่อมองดูแต่ท้องฟ้าและคร่ำครวญอย่างทุกขเวทนา พระองค์ได้สังเกตเห็นว่า พระจันทร์คืนนี้ช่างสุกสว่างกว่าทุกวัน และพระองค์ยังเห็นเป็นรูปร่างของพระนางฉางเอ๋อบนดวงจันทร์อย่างชัดเจน และพระองค์ก็ได้เรียกคนอื่นๆมาดูด้วยกัน พระองค์ดีใจมาก เหล่าข้าทาสบริวารและชาวเมืองทั้งหลายก็เห็นและก็ดีใจที่อดีตเจ้าเหนือหัวของตัวเองได้กลายเป็นเทพธิดาและกลายเป็นเซียนอยู่บนดวงจันทร์ ต่างก็ดีใจต่างพากันกราบไหว้สักการบูชาและเซ่นไหว้พระนางเทพธิดาพระจันทร์ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา โดยเฉพาะหนุ่มสาวต่างขอพรให้ความรักของตนให้สมหวังมั่นคงและยิ่งใหญ่เป็นอมตะเหมือนรักของพระนางกับโฮ่วอี้พระสวามี ถึงแม้ทั้งคู่จะโดนสาปก็ตาม แต่ทั้งคู่ก็รักและจริงใจและมั่นคงต่อกัน เป็นรักที่คู่กันเป็นอมตะ คือ “โลกคู่พระจันทร์” หรือ “พระจันทร์คู่โลก”ตราบนานเท่านานนั้นเอง
สำหรับขั้นตอนพิธีการไหว้พระจันทร์ ต้องปฏิบัติดังนี้
พิธีไหว้พระจันทร์จะไหว้กลางแจ้งหลังพระอาทิตย์ตกดินหรือเริ่มตอนหัวค่ำ (เมื่อเห็นพระจันทร์ก็สามารถไหว้ได้เลย) การตั้งโต๊ะจะจัดให้เรียบร้อยก่อนพระจันทร์ลอยสูงเกินขอบฟ้า และเก็บก่อนที่พระจันทร์เลยหัวไปหรือเมื่อเทียนดอกใหญ่ดับลง สถานที่ไหว้พระจันทร์อาจเป็นลานบ้านหรือดาดฟ้าก็ได้
เครื่องบวงสรวงที่ใช้จะไหว้ด้วยของเจเหมือนไหว้เจ้าแม่กวนอิม ซึ่งไหว้พระจันทร์เพื่อให้มีคู่ คนจีนจะถวายอาหารเป็นเลขคู่ แต่บางคนอาจถวายอย่างละ ๕ ก็ได้ ของไหว้ควรเป็นของแห้ง เพราะการไหว้พระจันทร์จะทำพิธีในตอนกลางคืน หากไหว้ด้วยของสดอาจเน่าเสียได้ง่าย
ของไหว้ประกอบไปด้วย
น้ำชาหรือใบชา ๔ ถ้วย
อาหารเจ ๔ อย่าง เช่น วุ้นเส้น, ดอกไม้จีน, เห็ดหูหนู, เห็ดหอม, ฟองเต้าหู้ เป็นต้น
ขนมหวาน ๔ อย่าง เช่น ขนมไหว้พระจันทร์ ขนมเปี้ยะ สาคูแดง ๔ ถ้วย ขนมโก๋สีขาว
ผลไม้ ๔ อย่าง ควรเป็นผลไม้ที่เป็นมงคล เช่น
-ทับทิม ที่มีเมล็ดมากมาย หมายถึง การมีลูกเต็มบ้าน หลานเต็มเมือง
-แอปเปิ้ล หมายถึง ความสงบสุข สันติ
-ส้มโอ หัวเผือก
-องุ่น หมายถึง มีแต่ความเพิ่มพูน
-ส้ม หมายถึง เป็นสิ่งมหามงคล
-สาลี่ หมายถึง มีแต่เรื่องดีๆ สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต
ดอกไม้สด ๑ คู่ ธูป ๓ ดอก หรือ ๕ ดอก เทียน ๑ คู่ และกระถางธูป
ของใช้ส่วนตัวของผู้หญิง เช่น ชุดเครื่องแป้ง เครื่องสำอาง เครื่องประดับ เครื่องแต่งกายของผู้หญิง
โคมไฟ เพื่อให้มีชีวิตที่สว่างไสว
อ้อย ๑ คู่ สำหรับทำเป็นซุ้ม
กระดาษไหว้พระจันทร์ กระดาษเงิน กระดาษทอง เช่น ค้อซี, กอจี๊, เนี้ยเก็ง, โป๊ยเซียนตี่เอี๊ย คือ กระดาษเงินกระดาษทอง, เนี้ยเพ้า คือ ชุดเจ้าแม่พระจันทร์
จากนั้นนำขอทั้งหมดมาจัดวาง เริ่มจากการตั้งโต๊ะ มีซุ้มประตูที่ทำจากต้นอ้อยผูกโคมไฟไว้กับต้นอ้อยให้สวยงาม วางกระถางธูป เทียนไว้ด้านหน้าสุด ดอกไม้วางไว้สองข้าง ผลไม้จัดตามความสวยงาม ส่วนขนมไหว้พระจันทร์ที่จัดเรียงเป็นชั้น วางขนมโก๋ และขนมหวานต่างๆ รอบโต๊ะวางประดับประดาด้วยกระดาษลวดลายที่มี อย่างไรก็ดีการจัดตั้งโต๊ะนั้นไม่ตายตัวเสมอไป แล้วแต่ใครมีวิธีการที่ต่างกันไปเน้นความสวยงามเป็นหลัก จากนั้นก็ไหว้อธิษฐานขอพรต่อพระจันทร์
ที่มา : sanook.com , sujipuli.com