- 09 พ.ย. 2560
ติดตามเรื่องราวดีๆอีกมากมายได้ที่ https://www.facebook.com/partiharn99/
เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อสมัยการขึ้นครองอำนาจของรัฐบาลชาตินิยมครั้งแรก ของ ฯพณฯ จอมพลแปลก ขีตตะสังขะ หรือที่รู้จักกันในนนาม จอมพล ป.พิบูลสงคราม ในช่วงปี พ.ศ.๒๔๘๑-๒๔๘๗ ซึ่งเป็นช่วงที่สยามประเทศกำลังมีความฮึกเหิมจากการได้ดินแดนคืนจากฝรั่งเศส และร่วมเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่น เพื่อสร้างเผ่า "ไทยสยาม" ให้ยิ่งใหญ่เหนือเผ่าไทยอื่นๆ
ในยุคนี้มีเรื่องเล่าลือเกี่ยวกับความมหัศจรรย์ของพระเครื่องที่ท่านผู้นำได้อาราธนาติดตัวมากมาย อาทิ หลวงวิจิตรวาทการ เคยเห็นมีแสงรัศมีเปล่งออกมาจากตัว จอมพล ป. และศรัทธาแก่กล้าถึงขนาดก้มลงกราบต่อหน้าสาธารณชน สอบถามได้ความว่าเป็นแสงที่เปล่งมาจาก ‘พระเครื่อง’ ที่ท่านห้อยติดตัวอยู่ แม้กระทั่งในการขึ้นครองอำนาจครั้งที่สอง (พ.ศ.๒๔๙๑-๒๕๐๐) เมื่อทหารเรือก่อกบฏแมนฮัตตัน จี้จับท่านเป็นตัวประกันอยู่ในเรือรบ ผู้หวังดีพากันทิ้งระเบิดและยิงเรือที่ท่านถูกจับอยู่ ท่านก็ยังสามารถกระโดดลงน้ำว่ายหนีกลับขึ้นฝั่งอย่างน่ามหัศจรรย์ ร่ำลือกันว่าเป็นเพราะพระเครื่องที่ท่านห้อยแขวนอยู่อีกเช่นกัน แต่ก็ไม่มีผู้ใดทราบว่าท่านห้อยพระอะไร นี่ยังไม่นับการถูกลอบสังหารโดยการวางยาพิษในอาหาร และการลอบยิงหลายต่อหลายครั้งที่แคล้วคลาดมาได้ทั้งสิ้น
นับได้ว่า จอมพล ป.พิบูลสงคราม หรือฉายา ‘จอมพลกระดูกเหล็ก’ ของพวกเรานั้น เป็นผู้นำที่มีศรัทธาในพุทธคุณอย่างเหนียวแน่น และความศรัทธาของท่านก็เผื่อแผ่มายังประชาชนชาวไทยที่เพิ่งเปลี่ยนนามใหม่ๆ หมาดๆ จาก ‘สยาม’ จะเห็นได้จากสงครามอินโดจีนที่มีการสร้างพระบำรุงขวัญแจกทหารจนเป็นที่เลื่องลือรู้จักกันในชื่อ ‘พระพุทธชินราชอินโดจีน’ และเป็นที่นิยมมาจนถึงยุคนี้
การดำริสร้าง ‘พุทธมณฑล’ ในครั้งแรกนั้น ท่านจอมพลฯ ประสงค์ที่จะสร้างปูชนียสถานเป็นพุทธบูชาและเป็นพุทธานุสรณียสถาน เนื่องในวโรกาสมหามงคลกาลที่พระพุทธศักราชเวียนมาบรรจบครบรอบ ๒,๕๐๐ ปี และเพื่อสถาปนารัฐไทยให้เป็นศูนย์กลางทางพุทธศาสนาของโลก โดยเฉพาะ ‘พุทธแบบหินยาน’ โดยครั้งแรกโครงการจัดสร้างนี้เกิดขึ้นที่ จ.สระบุรี ควบคู่ไปกับโครงการย้ายเมืองหลวงใหม่ไปอยู่ จ.เพชรบูรณ์ ผลปรากฏว่าทั้งสภาล่าง-สภาบน วิพากษ์วิจารณ์กันมากมาย และลงมติไม่อนุมัติ นอกจากนั้น ท่านจอมพลฯ ก็ตกจากอำนาจเพราะแพ้โหวตในสภาด้วย
โชคบุญหนุนนำแม้จะถูกขึ้นศาลทหาร ท่านไม่ยักกะเป็นอะไร แถมยังกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีใหม่อีกครั้ง ครั้งนี้ท่านก็ยังไม่ละความพยายามที่จะสร้างอนุสรณ์สถานอันตั้งความหวังให้เป็นศูนย์กลางแห่งพุทธศาสนา ด้วยเหตุนี้ ‘พุทธมณฑล’ แห่งใหม่ที่ จ.นครปฐม จึงถูกดำเนินการขึ้น โดยตั้งงบประมาณทั้งสิ้น ๒๕ ล้านบาท แต่กระทรวงการคลังให้ได้แค่ ๔ ล้านต้นๆ เท่านั้น ด้วยอัจฉริยภาพของท่านผู้นำซึ่งเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาและเชื่อมั่นในพุทธคุณ ได้ประกาศจัดสร้าง "พระ ๒๕ พุทธศตวรรษ" เพื่อให้ประชาชนเช่าบูชา ในปี พ.ศ.๒๔๙๗ แล้วจัดงานพุทธาภิเษกฉลองสมโภชอย่างยิ่งใหญ่ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ถือเป็นการทำธุรกิจพระเครื่องโดยรัฐบาลเป็นครั้งแรกและครั้งใหญ่ที่สุดนับแต่มีการตั้งประเทศเป็นต้นมา
-มหัศจรรย์...คดีดังที่เป็นข่าวหน้าหนึ่งทั่วประเทศ-
ย้อนกลับไปพบกับข่าวหนึ่งบนหน้าหนังสือพิมพ์ชื่อดัง ที่ได้บันทึกเหตุการณ์เป็นข่าวที่สุดตื่นเต้นเป็นการพิสูจน์ถึงอภินิหารของ “พระเครื่อง ๒๕ พุทธศตวรรษ” ที่ปัจจุบันยังมีให้บูชาในราคาไม่สูงเกินไปนัก โดยหนังสือพิมพ์ ฉบับดังกล่าว ได้เสนอข่าวถึงเรื่องราวปาฏิหาริย์ของ “พระเครื่อง ๒๕ พุทธศตวรรษ” ที่มีรายงานข่าวจาก จังหวัดพัทลุง ว่าเมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๑๘ เวลา ๐๔.๓๐ น. นายสืบศักดิ์ แกล้วทนง อายุ ๒๓ ปี บ้านอยู่หมู่ที่ ๒ ต.ป่าพยอม อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์กลับจากดูโขนสดและภาพยนตร์ที่ วัดป่าพยอม เพื่อกลับบ้าน ขณะขับขี่ไปถึง ตลาดป่าพยอม เกิดไปเฉี่ยวเอาราษฎรหน่วยปฏิบัติการพิเศษ “ชุดล่าสังหาร” ผู้หนึ่งที่ทาง “ทหาร ผส.๕ ค่ายเสนาณรงค์ อ.หาดใหญ่” มาจัดตั้งหน่วยขึ้นที่ ต.ป่าพยอม อ.ควนขนุน
เพื่อทำหน้าที่ปราบปรามผู้ก่อการร้ายในพื้นที่ใกล้เคียงซึ่งกำลังเดินกลับ เข้าค่าย จำนวน ๔ คน ราษฎรหน่วยปฏิบัติการพิเศษ “ชุดล่าสังหาร” ผู้ที่ถูก “นายสืบศักดิ์” ขับรถเฉี่ยวจึงตะโกนบอกให้ “นายสืบศักดิ์” หยุดรถแต่ “นายสืบศักดิ์” เป็น “คนหูหนวก” จึงไม่ได้ยินเลยไม่หยุดรถ “หน่วยล่าสังหาร” ผู้นั้นจึงรัว “ปืนเอ็ม ๑๖” เข้าใส่ “นายสืบศักดิ์” ที่ยังขับรถทั้งหมด ๓๐ นัด กระสุนปืนพุ่งเข้าหา “นายสืบศักดิ์” เต็มแผ่นหลังจนตกลงจากรถจักรยานยนต์ หน่วยล่าสังหารทั้ง ๔ นายจึงกรูเข้าไปดูกลับเห็น “นายสืบศักดิ์” ปราศจากบาดแผลเนื่องจาก “กระสุนปืนเอ็ม ๑๖” ที่ยิงใส่นายสืบศักดิ์ไม่ระคายผิวเลย “หน่วยล่าสังหาร” ทั้ง ๔ นายจึงช่วยกันหักคอ “นายสืบศักดิ์” จนตายคามือแล้วพากันหลบหนีไป
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการชันสูตรศพ จึงพบว่าแผ่นหลังของ “นายสืบศักดิ์” ถูกกระสุนปืนเอ็ม ๑๖ หลายนัดแต่กระสุนไม่ทะลุ มีเพียง “รอยไหม้เกรียม” ที่เกิดจากพิษกระสุนปรากฏเป็นจุด ๆ เท่านั้น ส่วนเหตุที่เสียชีวิตก็เพราะกระดูกบริเวณแผ่นหลังและที่ลำคอของ “นายสืบศักดิ์” หักหลายชิ้นเจ้าหน้าที่ค้นในตัวศพจึงพบว่าหนุ่มใบ้ผู้เสียชีวิตมีเพียง “พระเครื่อง ๒๕ พุทธศตวรรษ ๑ องค์” เท่านั้น
อ้างอิงข้อมูลจาก - www.arjanram.com , www.baanjompra.com