- 19 พ.ย. 2560
ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th
เรื่องราวลี้ลับมักอยู่อยู่กับสังคมไทยเสมอ ตาวัดวาอารามต่างๆก็มีเรื่องเล่าที่ชวนขนหัวลุกกันทั้งนั้น ซึ่งเรื่องที่จะนำมาเล่านี้เป็นผีภายในวัดบวรนิเวศฯ ที่มาปรากฏกายให้พระสงฆ์เห็นกันอยู่บ่อยๆ ในอดีตนั้นเล่ากันมาว่ามีหลอกกันหลายรูปแบบ แต่ส่วนใหญ่มักมาปรากฏร่างให้เห็นแล้วก็แวบหายไป หรือบางทีไม่ได้ตั้งใจจะให้เห็นแต่พระ เณรและเด็กวัดไปเห็นเองโดยบังเอิญก็มี ทำไมที่วัดนี้จึงเป็นต้นตำรับผีที่ร่ำลือกันว่ามีเยอะนัก และที่เห็นกันส่วนมาก ก็มาในรูปของหญิงสาวในชุดไทย และเด็กผมจุกแต่งตัวโบราณ นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องเล่าลือถึงเรื่องของผีเปรตที่วัดบวรฯ อีกด้วย
เหตุที่เป็นเช่นนี้คงเพราะที่แห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่ของเจ้านายผู้มีเชื้อสายและขุนนางผู้ใหญ่มาแต่โบราณ เป็นวัดใหญ่ที่สร้างมานานจึงมีเสนาสนะมีพระอุโบสถ วิหาร เจดีย์ หมู่กุฏิพระ พระตำหนักต่างๆ และเรือนไทยอันสวยงามมากมาย ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมยุคเก่า สภาพภายในวัดร่มครึ้มไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย มองดูร่มเย็น และสงบเงียบด้วยเหตุนี้ จึงอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มีวิญญาณมาอาศัยเยอะ เพราะสถานที่สวยงามและน่าอยู่ ดังนั้น เรื่องเล่าเกี่ยวกับ "ผีๆ สางๆ" จึงมีตามมาต่างๆ นานา
(สมเด็จกรมหลวงวชิรญาณวงศ์ พระสังฆราชเจ้า)
สำหรับตามที่สมเด็จกรมหลวงวชิรญาณวงศ์ พระสังฆราชเจ้าได้ทรงเล่าว่า พระสังกิจจคุณ แห่งวัดตรีทศเทพได้เคยได้ยินเสียงเปรตและเห็นเปรตที่วัดตรีทศเทพ ซึ่งปัญหาเรื่องเปรตนี้ เราท่านมักจะเคยได้ยินได้ฟังเรื่องราวกันบ่อย ๆ แต่ไม่ค่อยจะได้มีใครเห็นตัวมากนัก นอกจากจะได้ยินเสียงโหยหวนสูงๆ ต่ำ แล้วก็นำมาเล่ามาวิจารย์ว่าเป็นเสียงเปรต
ที่วัดบวรนิเวศฯ นี้ก็เช่นเดียวกัน ในระยะหลังๆ นี้ พระเณรและบรรดาลูกศิษย์เล่าให้ฟังว่า ได้เคยได้ยินเสียงเปรตร้องที่คณะสูงและที่ตำหนักทรงพรตเสมอ ในวาระเทศกาลเข้าปุริมพรรษาว่ากันว่า เปรตมาขอส่วนบุญแก่พระภิกษุบวชใหม่ที่มาพักประจำอยู่ที่คณะนั้นๆ อันที่จริงถ้าจะแปลความหมายของคำว่า "เปรต" แล้วก็หมายความว่า คนที่ตายจากโลกนี้ไปแล้วนั่นเอง แต่จะไปเกิดเป็นเปรต เป็นอสุรกายหรือเป็นโอปปาติกะนิรมิตรกายได้ ก็สุดแต่กรรมของคนผู้นั้นจะส่งผล ถ้าไปเกิดเป็นเปรต ก็เรียกว่า "เกิดในภพเปรต" ซึ่งเป็นภพที่แห้งแล้ง ร้อนเป็นไฟ อดอยาก มีความหิวกระหายอยู่เป็นกำลัง และภพนั้นก็ยังเต็มไปด้วยสิ่งเน่าเหม็นติดกายอยู่ตลอดเวลา
แต่ทว่าเปรตก็ยังแบ่งออกไปเป็นหลายจำพวก สมเด็จกรมพระวชิรญาณวโรรส ทรงประมาลจากคัมภีร์ไว้ว่า มี ๔ จำพวก แต่ในลัทธิลามะกล่าวว่า มี ๓๖ จำพวก ในพระมาลัยสูตรว่า มี ๑๒ จำพวก และบางจำพวก แม้บรรดาญาติจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เท่าไหร่ ๆ ก็ไม่ได้รับส่วนบุญนั้น บางพวกก็ได้รับส่วนบุญ เป็นต้น
คำว่า "เปรต" นี้ บางทีพระพุทธเจ้าก็ไม่ได้เรียกเฉพาะคนที่ตายเป็นผีเท่านั้น แม้คนที่ยังไม่ตายก็เรียกเปรตด้วย เช่นค่ำว่า "มนุสเปโต" หรือคำว่ "เปตมนุสสะ" เป็นต้น มนุษย์เปรตหรือเปรตมนุษย์ แปลความหมายว่า เป็นมนุษย์ผู้เต็มไปด้วยกิเลส ตัณหา มีความโลภ ความอยากได้ในทรัพย์สินของผู้อื่นในทางที่ไม่ชอบ รื่องเปรตที่มาร้องโหยหวนอยู่ที่วัดบวรนิเวศฯ นี้ ก็เช่นเดียวกัน คิดว่าคงจะมีความหิวกระหาย อดอยากเต็มประดา เมื่อทราบว่ามีญาติโยมหรือลูกหลานมาบวชเป็นสาวกพระตถาคต จึงมาครวญครางขอส่วนบุญ ซึ่งพระบวชใหม่บางรูปคิดเอาเครื่องบันทึกเสียงมาอัดเสียงเปรตไว้ก็มี เช่น "พระภิกษุ ม.ร.ว. ทองน้อย ทองใหญ่" ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งแห่งราชสำนัก ขณะมาประจำพรรษาอยู่ที่วัดบวรฯ ได้ยินเสียงเปรตร้องในเวลาดึกสงัดหลายครั้ง จึงคิดจะจับเปรตหรืออัดเสียงเปรต
ครั้นเอาเทปมาคอยอัดเสียงตามเวลาที่เปรตเคยมาร้อง เปรตก็ไม่มาร้องโหยหวนให้ได้ยิน แต่พอไม่ได้เตรียมเทปอัดเสียง เปรตก็มาร้องอีก พระบวชใหม่บางองค์ที่ตระหนักในบาปบุญคุณโทษ เมื่อได้ยินเสียงเปรตก็ไปขอคำแนะนำจากท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวรเมื่อท่านให้คำแนะนำให้ถวายสังฆทานอุทิศส่วนกุศลไปให้ เสียงนั้นก็หายไป ไม่มาร้องโหยหวนคร่ำครวญขอส่วนบุญอีก
ขอบคุณข้อมูลจาก : http://baanjompra.com