- 20 ก.พ. 2561
ติดตามข่าวสารอีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th
ตำนานวัดกองดินปืน
“วัดกองดิน” ปืนแต่เดิมชื่อ “วัดคงคาจืด” นับเป็นสมุดประวัติศาสตร์จุดที่ 26 ของการเดินทัพสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ภายในวัดกองดินปืน เป็นสถานที่โบราณซึ่งมีความเชื่อว่าเคยเป็นสถานที่ใช้ทำดินปืนของสมเด็จพระเจ้าตากสินมาก่อน นอกจากนี้สิ่งสำคัญภายในวัดก็คือ “พระพุทธรูปปิยปกาศิต” เคยเป็นพระชัยหลังช้างขององค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชมาก่อนและสมเด็จพระเจ้าตากสินได้อัญเชิญองค์พระพุทธรูปพระองค์นี้ขึ้นช้างพังคีรีบัญชรอีกด้วย อันเป็นพระพุทธนำชัยประจำกองทัพของสมเด็จพระเจ้าตากสินปัจจุบันถูกบรรจุไว้ภายในองค์พระประธาน
ประการต่อมาคือ “ต้นโพธิ์อธิษฐานจิต” ปัจจุบันมีอยู่ 3 ต้น สมเด็จพระเจ้าตากสินและทหารเสือของพระองค์ร่วมกันปลูกไว้เป็นพุทธบูชา อธิษฐานจิตสืบบวรพระพุทธศาสนาให้ครบ 5 พันปี โดยต้นโพธิ์
ต้นแรกนั้นเป็นการปลูกร่วมกันของสมเด็จพระเจ้าตากสิน พระเชียงเงินและพระยาจักรี
ต้นโพธิ์ต้นที่ 2 ปลูกโดยพระยาสุรสีหนาท พระยาสีหราชเดโช (พระยาพิชัยดาบหัก) หลวงราชเสน่หา
ต้นโพธิ์ต้นที่ 3 ปลูกโดย พระเชียงทอง (หลวงพรหมเสนา) ขุนอภัยภักดี หลวงราชภักดิ์
ต้นโพธิ์ทั้งสามต้นถือว่าเป็นต้นโพธิ์ศักดิ์สิทธิ์ของทางวัด โดยเฉพาะต้นโพธิ์ต้นแรกใกล้โบสถ์ที่เชื่อกันว่าเป็นการปลูกโดยสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ
(ต้นโพธิ์ต้นแรกที่สันนิษฐานว่า สมเด็จพระเจ้าตากสินเป็นผู้ปลูก)
การปลูกต้นโพธิ์สามต้นโดยคนเก้าคน เป็นสิ่งที่มีความหมายล้ำลึกมาก โดยการปลูกโพธิ์สามต้นนั้นหมายถึงการสร้างหลักของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และยังหมายถึงร่มโพธิ์ธรรมของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ การใช้คน 9 คนปลูกนั้นเป็นความหมายโดยนัยว่าความสำเร็จสูงสุดในทางธรรมนั้นมาจาก พระนวโลกุตตระธรรมเจ้าคือ มรรค 4 ผล 4 นิพพาน 1 รวมได้ 9 นั่นเอง
เรียกว่าทุกอย่างที่พระองค์คิดและทำไว้นั้นต่างมีความหมายให้อนุชนรุ่นหลังได้ตีความดูตามแต่สติปัญญาของใครแต่ละคน
ต้นโพธิ์กับดวงแก้วปริศนา
ในปัจจุบันความศักดิ์สิทธิ์ของต้นโพธิ์ทั้งสามต้นยังบังเกิดอยู่เสมอๆ หลายคนเคยเห็นดวงแก้วสีเขียวเข้าลอยออกมาจากโคนต้นโพธิ์ ซึ่งยังเป็นปริศนาว่ามันคืออะไร ผู้รู้เล่าให้ฟังว่าดวงแก้วสีเขียวที่เห็นเป็นดวงแก้วจักรพรรดิมาจากเมืองบาดาล มาสถิตรักษาต้นโพธิ์อธิษฐานพระเจ้าตากเอาไว้ ทำให้สถานที่แห่งนี้มีความศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่งแม้ว่าเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานเท่าไหร่ แผ่นดินที่วัดกองดินปืนก็จะศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ตลอดไป
ต้นโพธิ์ที่พระองค์ปลูกไว้ในแต่ล่ะที่จะทำหน้าที่เหมือนเสาหลักเมืองหรือแกนกลางแห่งอาณาจักธรรม ซึ่งทำหน้าที่เหมือนเสาเอกที่ค้ำยันพระพุทธศาสนาให้อยู่คู่แผ่นดินไทย และค้ำยันชาติให้ยืนยงคงความเอกราช ค้ำยันแผ่นดินเคียงคู่พระพุทธศาสนาตลอดไปตราบนานเท่านาน
ซึ่งแต่ละที่ที่สมเด็จพระเจ้าตากสินผ่านทัพไปหากชัยภูมิใดเหมาะควรพระองค์ก็จะปลูกต้นไม้เป็นตัวแทนของเสาหลักของแผ่นดินและศาสนาไว้ที่นั่น เช่นวัดบางละมุง จ.ชลบุรี พระองค์ก็ทรงปลูกต้นสนเอาไว้ หรือที่วัดแม่สลาบ เชียงใหม่ที่นั่นพระองค์ก็ปลูกต้นโพธิ์ไว้อีกเช่นกัน หรือที่วัดอรุณก็มีต้นโพธิ์ที่เชื่อกันว่าพระองค์ที่หมายเอาต้นโพธิ์หรือต้นไม้ยืนต้นเป็นบุคลาธิฐานแทนพระศาสนาหรือพระศาสดา แทนองค์ธรรมที่จะเป็นเครื่องยืดเหนี่ยวจิตใจของปวงทหารกล้าและอนุชนรุ่นหลังต่อไป นานวันเข้าเมื่อต้นไม้เติบใหญ่ก็ประดุจพระพุทธศาสนาที่เบ่งบานในสยามประเทศย่อมเป็นที่ให้ความร่มเย็นแก่พสกนิกรทั้งหลายแก่สาธุชนทุกหมู่เหล่า
จึงนับเป็นความอัจฉริยะของสมเด็กพระเจ้าตากสินทั้งด้านทางธรรมและทางโลกที่ทรงเห็นการณ์ไกลและเข้าใจในการสร้างบุคลาธิษฐานขึ้นมาและด้วยบารมีแห่งพระโพธิญาณที่พระองค์สร้างสมมาสิ่งที่พระองค์ทรงปลูกไว้ในแต่ล่ะที่นั้น จึงทำให้มีปวงเทพยดามารักษาสถิต ณ ต้นไม้นั้นๆ ในทุกๆ ที่ยังเป็นไปตามแรงอธิษฐานของพระองค์ที่ประสงค์ให้เป็น “หลักบ้าน หลักเมือง หลักธรรม หลักชัย” ด้วยเหตุนี้บ้านเมืองไทยจึงสามารถรอดปลอดภัยจากเหตุการณ์ต่างๆ ได้เสมอมา ไม่เคยอับจนหนทางแต่อย่างใด
เพราะด้วยปกาศิตแรงอธิษฐานจากบูรพกษัตริยาธิราชอย่างสมเด็จพระนเรศวรก็ดี สมเด็จพระเจ้าตากสินก็ดี ได้ลั่นสัจจะอธิษฐานไว้ในแผ่นดินไทยเมืองสยามนั้นเป็นแผ่นดินแห่งพระพุทธศาสนา เป็นที่ร่มเย็นเป็นสุขตราบจนชั่วลูกชั่วหลาน
ข้อมูลจากหนังสือ “เปิดตำนานหลวงปู่เทพโลกอุดร คืออาจารย์สอนกรรมฐานพระเจ้าตาก” โดย ทิพยจักร