เรื่องเล่าจากชาดก พระพุทธเจ้า ยังเคยเสวยชาติเป็นพญาเหี้ย เวียนว่ายตายเกิดนั้บครั้งไม่ถ้วน  (มีคลิป)

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

เรื่องเล่าจากชาดก พระพุทธเจ้า ยังเคยเสวยชาติเป็นพญาเหี้ย เวียนว่ายตายเกิดนั้บครั้งไม่ถ้วน  (มีคลิป)

ทั้งในพระไตรปิกฏยังระบุว่า พระพุทธเจ้าเอง ยังเวียนว่ายตายเกิด ทั้งขึ้นสวรรค์ ลงนรกมาหลายภพภูมิ หลายชาติ การเสวยพระชาติเป็นพญาเหี้ย จึงมีโอกาสเป็นไปได้ และการเทศนาเกี่ยวกับภพชาติก็เพือโปรดพุทธสาวกและสัตว์โลกสังวร ระวังในเรื่อง วัฎสงสารและการเวียนว่ายตายเกิดด้วยแรงของกฎแห่งกรรม

เรื่องเล่าจากชาดก พระพุทธเจ้า ยังเคยเสวยชาติเป็นพญาเหี้ย เวียนว่ายตายเกิดนั้บครั้งไม่ถ้วน  (มีคลิป)

ความหมายของคำว่า "โคธชาดก"
คำว่า "โคธชาดก" นี้มาจากคำสองคำรวมกันคือคำว่า "โคธา" กับ คำว่า "ชาดก"  แปลว่าเรื่องเล่าถึงอดีตชาติของพระพุทธเจ้า กล่าวคือชีวประวัติของพระพุทธเจ้าในอดีตชาติ ส่วนคำว่า "โคธา" ภาษาไทยเราแปลว่า "เหี้ย" ซึ่งเป็นสัตว์เลี้อยคลานชนิดหนึ่งอยู่ทั้งในน้ำ บนบก บนต้นไม้ กินทุกอย่างที่ขวางหน้า ไม่ว่าจะเป็นซากสัตว์ หรือสัตว์เล็กที่ยังมีชีวิตอยู่กินปลาด้วย

เรื่องเล่าจากชาดก พระพุทธเจ้า ยังเคยเสวยชาติเป็นพญาเหี้ย เวียนว่ายตายเกิดนั้บครั้งไม่ถ้วน  (มีคลิป)

ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้า ประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงปรารภภิกษุผู้หลอกลวงรูปหนึ่ง ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธกว่า...

   กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีดาบสผู้มีตบะกล้าตนหนึ่ง เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้าน จึงได้สร้างศาลาไว้ให้ที่ชายป่าแห่งหนึ่งใกล้บ้าน ครั้งนั้น พระโพธิสัตว์ได้เกิดเป็นเหี้ยตัวหนึ่ง อาศัยอยู่ที่จอมปลวกแห่งหนึ่ง ใกล้ที่จงกรมของดาบสนั้น มันจะไปหาดาบสวันละสามครั้งเป็นประจำทุกวัน เพื่อฟังธรรม ไหว้ดาบสแล้ว จึงกลับไปอยู่ที่อยู่ของตน

   ต่อมาไม่นาน ดาบสนั้น ได้อำลาชาวบ้านไปที่อื่น ได้มีดาบสโกงตนหนึ่ง เข้ามาอาศัยในศาลานั้นแทน เหี้ยพระโพธิสัตว์ก็คิดว่า แม้ท่านผู้นี้ก็ทรงศีลเหมือนกัน จึงไปหาดาบสนั้นเช่นเดิม

   อยู่มาวันหนึ่ง ฝนได้ตกมาในฤดูแล้ง ฝูงแมลงเม่าได้พากันบินออกจากจอมปลวกเป็นจำนวนมาก ฝูงเหี้ยก็ได้ออกมากินแมลงเม่าเหล่านั้น พวกชาวบ้านพากันออกมาจับเหี้ยแล้วปรุงเป็นอาหาร รสอร่อยนำมาถวายดาบส ดาบสได้ฉันเนื้อนั้นแล้วติดใจในรส เมื่อทราบว่าเป็นเนื้อเหี้ย จึงคิดได้ว่า 
     " มีเหี้ยใหญ่ตัวหนึ่งมาหาเราเป็นประจำ เราจะฆ่ามันกินเนื้อ " 
จึงให้ชาวบ้านเอาเครื่องปรุงมาไว้ให้ ได้นั่งถือค้อนห่มคลุมผ้าอยู่ที่ประตูศาลา

   เย็นวันนั้น เหี้ยโพธิสัตว์ ได้ไปหาดาบสตามปกติ ได้เห็นท่านั่งที่แปลกของดาบส คิดว่า " วันนี้ดาบส นั่งท่าที่ไม่เหมือนวันก่อน นั่งชำเลืองเราเป็นประจำ " จึงไปยืนดูอยู่ใต้ทิศทางลม ได้กลิ่นเนื้อเหี้ย จึงทราบว่า " ดาบสโกงนี้ คงฉันเนื้อเหี้ย ติดใจในรสแล้ว คราวนี้ หวังจะตีเรา เอาเนื้อไปแกงเป็นอาหารแน่ๆ " จึงไม่ยอมเข้าไปใกล้ ถอยกลับแล้ววิ่งหนีไป

   ฝ่ายดาบสโกงทราบว่าเหี้ยรู้ตัวไม่ยอมมาแล้ว จึงลุกขึ้นขว้างค้อนตามหลังไป ค้อนได้ถูกเพียงหางเหี้ยเท่านั้น เหี้ยได้หลบเข้าไปในจอมปลวกอย่างรวดเร็ว โผล่เพียงศีรษะออกมาเท่านั้น กล่าวติเตียนดาบสด้วยคาถานี้ว่า
     " นี่เจ้าผู้โง่เขลา จะมีประโยชน์อะไรแก่เจ้า ด้วยชฎาและการนุ่งห่มหนังเสือเหลือง 
       ภายในของเจ้าแสนจะรกรุงรัง เจ้าดีแต่ขัดสีภายนอกเท่านั้น "

เรื่องเล่าจากชาดก พระพุทธเจ้า ยังเคยเสวยชาติเป็นพญาเหี้ย เวียนว่ายตายเกิดนั้บครั้งไม่ถ้วน  (มีคลิป)

นิ ท า น ช า ด ก พ ร ะ พุ ท ธ เ จ้ า 5 0 0 ช า ติ

พระพุทธเจ้าของเราแต่ปางก่อนก็เคยเสวยพระชาติเป็นเหี้ย ในนิบาตชาดกหมวดเอกนิบาต ชาดกเรื่องที่ 138 โคธชาดก มีเรื่องย่อว่า ครั้งหนึ่งพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นเหี้ย

เหี้ยไม่ใช่สัตว์เลวร้ายและไม่มีอะไรน่ารังเกียจถึงขั้นปรักปรำให้มันเป็นต้นเหตุของเสนียดจัญไร หากมนุษย์จะให้ความเป็นธรรมกับมันสักหน่อย เหี้ยควรจะถูกจัดขึ้นทำเนียบเป็นสัตว์ชั้นสูงเสียด้วยซ้ำ เนื่องจากรูปกายมีเกล็ด มีขาทั้งสี่และท่อนหางทรงพลัง มีลิ้น 2 แฉก ลักษณะที่ว่านี้ไม่ต่างอะไรกับมังกร
พระพุทธเจ้าเองก็เวียนว่ายตายเกืดเป็นสรรพสัตว์มานับชาติไม่ถ้วน ทั้งขึ้นสวรรค์ ลงนรก มาเกือบทุกภพภูมิ เว้นแต่เป็นพรหมในชั้นสุทธาวาสเท่านั้น.

 

เรื่องเล่าจากชาดก พระพุทธเจ้า ยังเคยเสวยชาติเป็นพญาเหี้ย เวียนว่ายตายเกิดนั้บครั้งไม่ถ้วน  (มีคลิป)

เวลาเจอคนพาล พวกหน้าไหว้หลังหลอก คนกะล่อนปิ้นป้อนหลอกลวง แสร้งทำเป็นพูดดีแต่ในใจนั้นหาได้ประสงค์ดีไม่ ในใจนั้นหาได้บริสุทธิ์ดังคำหวานที่พ่นออกมาไม่ เหล่านักปราชญ์ท่านก็เลยเปรียบเทียบคนเหล่านั้นว่าเป็นพวกฤาษีกินเหี้ย

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก ปอกเปลือก ทรราช  ถังมังกร เฟลม  https://pantip.com/