- 14 มิ.ย. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
หลังจากที่เป็นประเด็นมากมายในโลกออนไลน์ เรื่องพระสงฆ์จับเงิน ผิด หรือ ไม่ !?! โดยได้มีพระชื่อดังมากมายได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ในการสนับสนุนให้พระสามารถจับเงินได้
โดยเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 61 ที่ผ่านมา "พระมหาไพรวัลย์" พระนักคิด นักเทศ แห่งวัดสร้อยทอง ได้นำเสนอต่อสำนักงานพระพุทธศาสนา หรือ พศ. ให้ทบทวนเรื่องระเบียบพระห้ามจับเงิน เนื่องจากวิถีชีวิตเปลี่ยนไป และมองว่าการจับเงินนั้นไม่ได้ผิดวินัยร้ายแรงอะไรของ พ.ร.บ.สงฆ์ เพราะมีการทำมาตั้งแต่อดีตแล้ว
รวมถึง "พระอาจารย์แดง" เจ้าอาวาสวัดถ้ำเขาเต่า ได้จวก พศ. อย่างดุเดือด ห้ามพระรับปัจจัย แต่เวลาเดินทางก็ต้องจ่ายค่ารถ ต้องจ่ายค่าน้ำค่าไฟ แล้วส่วนพวกนี้ใครล่ะจะออกให้ พระสวดมนต์ปีละสามสี่ครั้ง โยมถวายงานละ 200 สี่ครั้ง 800 บาทต้องเสียภาษีเท่าไร
โดย เมื่อวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา พระอารยวังโสได้ ออกมาแสดงความชัดเจนเรื่องการจัดการเงิน และสนับสนุนให้พระและวัดยึดตามมติ พศ. และพระธรรมวินัย
โดยพระอาจารย์ได้กล่าวว่า พระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าบัญญัตินั้น สามารถทำได้จริงในยุคนี้ ซึ่งตัวพระอาจารย์เองก็ได้กระทำอยู่ ด้วยการไม่รับเงินใดๆ มาเป็นของส่วนตัว ไม่มีบัตรกดเงิน ไม่มีบัญชีธนาคาร ไม่ได้เป็นเจ้าของดินใดๆ แม้แต่แปลงเดียว
เป็นเรื่องของญาติโยมทางพุทธศาสนาจะต้องดูแลอย่างถูกต้องกันต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีปัญหา ซ้ำยังดูแลได้ดีด้ทวย
นั่นจึงเป็นที่มาสู่ข้อกฎระเบียบของวัดว่า ผู้ที่จะเข้ามาบวชอยู่ในวัดนี้ จะต้อง "สละ" คือ สละเพศคฤหัสถ์ แม้แต่บวชสั้นๆ ก็จะให้มาบวชแบบไม่มีบัญชีติดตัวเลย
ในเรื่องของปัจจัยใดๆ ที่โยมถวายมาก็จะคืนกลับเข้าวัดทั้งหมด เมื่อบวชแล้วก็ไม่มีทายาท ไม่มีญาติ
หากพุทธบริษัท ประชาชนในสังคม ช่วยกันสอดส่องดูแล เราจะได้พระและผู้นำทางศาสนาจิตวิญญาณ ที่ดีอยู่ในสังคมอย่างถูกต้อง
ในทางกลับกันหากเราไม่ดูแลก็จะได้คนไม่ดีมาสืบทอดพระพุทธศาสนา และจะพังกันหมดทั้งระทบบ
ทั้งนี้ พระอาจารย์อารยวังโส ได้ยกตัวอย่างการจัดการบริหารเงิน และเป็นต้นแบบที่ดีอย่าง สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (อัมพร)
ท่านจะตรัสชัดเจนเลยว่าท่านไม่รับเงินทอน แต่ให้ท่านพูดพระองค์เดียวยังไม่พอ พวกเราทุกคนต้องร่วมกันพูดด้วย อยากให้ทุกคนช่วยกันสอดส่องดูแล
ไม่ปล่อยให้พระแต๋ว เณรแต๋ว ผุดขึ้นมาเยอะแยะไปหมด
เราปล่อยให้โจรมาอยู่ในพระพุทธศาสนากัน เราปล่อยคนชั่วมาอยู่ในผ้าเหลืองกัน นานวันมันก็เพาะเชื้อไปเรื่อยๆ อีกไม่นานก็ฉิบหายกันหมด
แต่ที่อาตมาออกมาพูดวันนี้เพราะอยากแสดงจุดยืนให้เห็นว่า ยังมีพระที่ปฏิบัติ (ตามพระธรรมวินัยและมติของ พศ. แน่นอน) อย่างน้อยก็วัดนี้แห่งหนึ่ง
จึงขอให้เราทั้งหลาย ออกมาช่วยกันแสดงให้เห็น ถึงหนทางที่วางไว้ว่าสามารถทำได้ ให้เห็นว่าพระธรรมวินัยที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้นั้น ถูกต้อง พระพุทธองค์ทรงวางทุกอย่างไว้ถูกต้องหมดแล้วทุกประการ