- 05 ก.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
สวัสดีครับ วันนี้เราจะมาอธิบายคำถามหนึ่งที่ถูกถามมาที่สุดในยุค 90 คือ ทำไมโดนัทต้องมีรู วันนี้เราจะทำการชี้แจงเพือให้เข้าใจมายิ่งขึ้น เพื่อใครจะตัดสินใจถามจะได้ตอบอย่างมั่นใจไปเลยครับ
จะพูดได้ว่า ขนมอีกอย่างหนึ่งที่คนส่วนใหญ่ชอบกิน คือโดนัท (Doughnut, Donut) เป็นขนมแป้งทอดหรืออบ ที่มีเนื้อคล้ายกับขนมเค้ก มีลักษณะกลมมีรูตรงกลางคล้ายกับห่วงยาง มีหลายรสชาติ ถ้าเป็นของไทยจะมีน้ำตาลอยู่ที่ผิวของขนม โดนัทสามารถแบ่งออกตามกรรมวิธีการผลิตได้เป็น2 ประเภท คือ โดนัทยีสต์ และโดนัทเค้ก
ซึ่งกระบวนการผลิตโดนัทยีสต์นั้น จะใช้ยีสต์เป็นส่วนประกอบในการหมักแป้งให้ขึ้นฟู ซึ่งแตกต่างจากโดนัทเค้ก จะใช้ผงฟูในการหมักแป้งให้ขึ้นฟู ดังนั้นรสชาติ และเนื้อสัมผัสจะมีความแตกต่างกัน เนื่องจากโดนัทเป็นเพียงแป้งทอดธรรมดา ไม่มีรสชาติ ผู้ผลิตจึงได้เพิ่มสิ่งต่างๆลงไป เพื่อให้โดนัทมีรสชาติที่ดีขึ้น อาทิ สอดไส้ คลุกน้ำตาล เคลือบหน้าโดนัทด้วยสีสรรต่างๆ ซึ่งจะพูดได้ว่าปัจจุบันมีการผลิตโดนัทแบบต่างๆมาขึ้นไปอีก ด้วยวิวัฒนาการได้มีการเปลี่ยนแปลงขึั้น
โดนัทน้ำตาล
โดนัทในแบบต่างๆ โดยให้แป้งที่แตกต่างกัน และมีการประสมประสานกันโดยกลิ่นต่างๆ
ซึ่งส่วนใหญ่ปัจจุบัน เราจะได้ทานโดนัทง่ายๆกว่าเดิม ซึ่งโดนัทไม่ได้มีแค่ห้างเท่านั้น แต่มีขายตามตลาดนัด และร้านขายของชำทั่วไป แต่จะแตกต่างกันคือจะอร่อยหรือไม่ ถูกปากรือเปล่า ต้องไปชิมกันเอง ตอนนี้เราจะมาประวัติความเป็นมาว่าทำไมโดนัทต้องมีรูจะได้ตอบเลย
ขนมโดนัทซึ่งเป็นขนมพื้นเมืองของเนเธอแลนด์ แต่เดิมไม่มีรูตรงกลาง แต่เป็นแป้งทอดมีรสหวาน บางครั้งโรยน้ำตาลด้วย มีชื่อภาษาดัตช์ที่แปลเป็นไทยได้ว่า ขนมน้ำมัน (oil cake)ชาวยุโรปที่อพยพไปสหรัฐอเมริกาในต้นศตวรรษที่17 ได้นำขนมประเภทนี้ไปด้วยเนื่องจากขนมนี้มีรูปร่างกลมเล็กเท่าลูกวอลนัท ชาวนิวอิงแลนด์จึงเรียกขนมนี้ใหม่ว่า โด ซึ่งแปลว่า ก้อนแป้งรูตรงกลาง
โดนัทเพิ่งเกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 19เมื่อนาย แฮนสัน เกรกอรี กัปตันเรือชาวเมืองรอคพอท รัฐเมน เจาะรูแป้งโดนัทที่มารดากำลังจะทอด เพราะคิดว่าการขยายพื้นผิวหน้าของขนม จะทำให้ทอดได้ง่ายขึ้นและสุกเร็วขึ้น เพราะแต่เดิมนั้น ตรงกลางของโดนัทมักจะแฉะสุกไม่ทั่ว เมืองรอคพอทมีความภาคภูมิใจในรูของโดนัทมาก ถึงกับสร้างป้ายทองแดงจารึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งนี้เอาไว้
โดนัทรสชอคโกแล็ต
คนส่วนใหญ่จะนิยมนำมากินกับกาแฟ งานเลี้ยง และทุกเทศกาลเลย
เหตุการณ์นี้สอนให้รู้ว่า ในสหรัฐอเมริกา คนเราอาจมีชื่อเสียงได้โดยไม่ต้องคิดอะไรใหม่ ๆ เลย “ ข้อมูลสนับสนุนจากหนังสือ ๑๐๘ ซองคำถาม สำนักพิมพ์สารคดี ”
ขอบคุณข้อมูล จาก https://guru.sanook.com https://www.dek-d.com
ขอบคุณภาพสวย จาก https://pixabay.com