- 05 ก.พ. 2567
หลักจัดโต๊ะ "ไหว้ตรุษจีน 2567" ที่ถูกต้อง ตามความเชื่อของจีน ปีนี้ทิศไหนดี ควรมีของไหว้อะไรบ้าง เพื่อความเป็นสิริมงคล
"ตรุษจีน2567" ปีนี้จะตรงกับวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่ง "ตรุษจีน" หรือก็คือวันปีใหม่ของชาวจีน ที่คนไทยเชื้อจีนได้จัดโต๊ะและของไหว้ เพื่อไหว้เทพเจ้าและบรรพบุรุษ พร้อมทั้งเสริมสิริมงคลในการเริ่มต้นปีใหม่
"วันตรุษจีน 2567 วันที่เท่าไหร่" แบ่งออกเป็น 3 วันด้วยกัน คือ วันจ่าย วันไหว้ และ วันเที่ยว ซึ่ง "ตรุษจีนวันจ่ายตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567" ต่อมาคือ "ตรุษจีนวันไหว้ตรงกับวันศุกร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567" และปิดท้ายด้วย "ตรุษจีนวันเที่ยวตรงกับวันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567"
สำหรับชาวจีนจะมีความเชื่อที่ว่า การจัดโต๊ะไหว้อย่างถูกหลักจะช่วยเสริมสิริมงคลให้กับชีวิต นำพาโชคลาภเงินทองไหลหลั่งสู่ครอบครัว ซึ่งใครที่ยังสงสัยว่า "ตรุษจีนปีนี้" จะต้องตั้งโต๊ะทิศทางไหน ต้องวางอะไรไว้ในจุดไหนบ้าง แต่ละอย่างมีความหมายและความสำคัญอย่างไรบ้าง ทีมข่าวไทยนิวส์ได้รวบรวมข้อมูลมาให้แล้ว
ขั้นตอนการไหว้ตรุษจีน
ก่อนอื่นเลยจะต้องรู้กันก่อนว่าขั้นตอนการไหว้ตรุษจีน ควรจะเริ่มไหว้อะไรก่อนและหลัง เพื่อจะได้เตรียมตัวกันได้ถูก ซึ่งสำหรับการไหว้ตรุษจีน จะแบ่งลำดับการไหว้ออกเป็น 4 ช่วงเวลา คือ
ช่วงแรกในเวลา 06:00 น. - 07:00 น. จะเป็นช่วงของการไหว้เทพเจ้า ซึ่งจะไหว้เจ้าที่เจ้าทาง ที่คุ้นเคยกันคือ "ตี่จู๋เอี๊ยะ" และเทพเจ้าที่ชาวจีนนับถือ ด้วยเครื่องไหว้ที่เป็นเนื้อสัตว์ 3 หรือ 5 อย่าง เช่น หมูสามชั้น ไก่ต้ม และ เป็ดต้ม พร้อมด้วยเหล้าจีนหรือน้ำชา และกระดาษเงิน กระดาษทอง
ช่วงที่สอง เวลา 10:00 น. - 11:00 น. จะเป็นช่วงของการไหว้บรรพบุรุษ ซึ่งจะไหว้ด้วยเนื้อสัตว์ กับข้าว ขนมหวาน ผลไม้ เครื่องดื่ม รวมถึงการเผากระดาษเงินกระดาษทอง และเสื้อกระดาษกงเต็กให้กับบรรพบุรุษ หลังจากไหว้บรรพบุรุษเสร็จแล้ว เมื่อธูปดับจนหมด ก็จะเริ่มนำของไหว้มาทานร่วมกันทั้งครอบครัว และแลกเปลี่ยนอั่งเปากัน
ช่วงเวลาที่สาม เวลา 14:00 น. - 16:00 น. จะเป็นช่วงของการไหว้ผีไร้ญาติ ซึ่งจะไหว้ด้วยข้าวสวย กับข้าว และขนมหวาน เช่น ขนมเข่ง ขนมเทียน และกระดาษเงินกระดาษทอง เมื่อไหว้เสร็จแล้วให้จุดประทัด เพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกไป
ช่วงเวลาที่สี่ เวลา 23:00 น. - 01:00 น. (ของคืนวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567) จะเป็นช่วงของการไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภ เพื่อเป็นการขอโชคลาภในโอกาสที่ "เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ย" จะลงมา ซึ่งเกิดขึ้นปีละครั้ง ในปีนี้ให้จัดโต๊ะไหว้ใว้ในทางทิศตะวันออก เพราะเชื่อว่าท่านจะเดินทางมาประทับจากทิศดังกล่าว
และของไหว้ควรมี น้ำชา 5 ถ้วย ขนมอี๊ (สาคูแดงต้มสุก) 5 ถ้วย ผลไม้มงคล 5 อย่าง เจไฉ่ (อาหารเจ) 5 ชนิด ขนมจันอับ 1 จาน และกระดาษเงินกระดาษทอง
การจัดโต๊ะไหว้ตรุษจีนที่ถูกต้อง
จุดที่ 1 : จัดวางโต๊ะไหว้ไว้ในบริเวณหน้าเทวรูป หรือแท่นบูชา
จุดที่ 2 : กระถางธูปให้วางไว้หน้าแท่นบูชา หรือเทวรูป เพราะถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
จุดที่ 3 : วางเชิงเทียนและแจกันดอกไม้ ขนาบข้างซ้ายและขวาของกระถางธูป เป็นสัญลักษณ์แทนความสว่างไสวและความเจริญงอกงาม
จุดที่ 4 : ข้าว ซึ่งส่วนใหญ่จะไหว้จำนวน 5 หรือ 3 ถ้วย โดยต้องตักข้าวให้พูนถ้วย เพื่อแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์
จุดที่ 5 : ถ้วยน้ำชา หรือถ้วยเหล้า
จุดที่ 6 : ถ้วยน้ำดื่ม
จุดที่ 7 : ของคาว หรือที่เรียกว่า "ซาแซ" เครื่องเซ่นไหว้ 3 อย่าง หรือ "โหวงแซ" เครื่องเซ่นไหว้ 5 อย่าง ซึ่งจะต้องมีเนื้อสัตว์ครบ 3 ประเภท คือ สัตว์มีกีบที่เท้าอย่างหมู สัตว์มีปีก เช่น ไก่หรือเป็ด และสัตว์มีครีบอย่างปลา แต่ถ้าจัดโต๊ะไหว้บรรพบุรุษจะต้องมีกับข้าวที่มีน้ำซุปเป็นส่วนประกอบด้วย
จุดที่ 8 : ของหวานหรือผลไม้ ส่วนใหญ่จะจัดจำนวนเท่ากับของคาวที่ไหว้
จุดที่ 9 : วางกระดาษเงิน กระดาษทอง ไว้บนโต๊ะไหว้
สำหรับการจัดโต๊ะไหว้เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ยนั้นจะแตกต่างกัน โดยมีหลักการวางดังนี้
จุดที่ 1 : รูปภาพ/รูปปั้นองค์ไฉ่ซิงเอี้ย
จุดที่ 2 : เชิงเทียนและแจกันดอกไม้ อย่างละ 1 คู่
จุดที่ 3 : กระถางธูป 1 ใบ
จุดที่ 4 : ถ้วยน้ำชา 5 ถ้วย
จุดที่ 5 : ขนมอี๊ (สาคูแดงต้มสุก) 5 ถ้วย
จุดที่ 6 : ผลไม้มงคล และ เจไฉ่ (อาหารเจ เช่น เห็ดหอม เห็ดหูหนู ดอกไม้จีน วุ้นเส้น ฟองเต้าหู้) อย่างละ 5 อย่าง รวมถึงขนมจันอับ 1 จาน
จุดที่ 7 : กระดาษเงินกระดาษทอง
ไหว้ตรุษจีน ใช้ธูปกี่ดอก
1. ไหว้เทพเจ้า รวมถึงเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ย : ใช้ธูป 3 ดอก
2. ไหว้บรรพบุรุษ : ใช้ธูป 3 ดอก
3. ไหว้สัมภเวสี ผีไร้ญาติ : ใช้ธูป 1 ดอก
ของไหว้ตรุษจีน
1. ของคาว
หมู หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์
ไก่ หมายถึง ความเป็นสิริมงคลและความขยันขันแข็ง
กุ้ง หมายถึง ยศตำแหน่ง บารมี
เป็ดและปู หมายถึง การได้ตำแหน่ง
หมึกและปลา หมายถึง เหลือกิน เหลือใช้
บะหมี่ยาว หรือ หมี่สั้ว หมายถึง อายุยืนยาว
สาหร่าย/เกี๊ยวต้ม หมายถึง โชคดี รำร่วย เงินทองมั่งคั่ง
2. ผลไม้
ส้ม หมายถึง สิริมงคล
องุ่นแดง หมายถึง การเฟื่องฟู
กล้วยหอมและสัปปะรด หมายถึง การเรียกโชคลาภเข้ามา
แอปเปิ้ล หมายถึง ความสุขสงบในชีวิต
สาลี่ หมายถึง โชคลาภที่กำลังจะมาถึง (ไม่นิยมนำมาไหว้บรรพบุรุษ และวิยญาณไร้ญาติ)
ทับทิม หมายถึง ครอบครัวอบอุ่น ไม่มีขัดแย้งบาดหมางกัน
แก้วมังกร หมายถึง อำนาจ ความอุดมสมบูรณ์
ลูกพลับ หมายถึง ผ่านพ้นอุปสรรคได้อย่างราบรื่น
3. ของหวาน
ขนมถ้วยฟู หมายถึง ชีวิตรุ่งเรืองเฟื่องฟู
ซาลาเปา หมายถึง ห่อความสุข ห่อโชค ห่อลาภ
ขนมเข่ง หมายถึง เจริญก้าวหน้า ชีวิตรุ่งเรื่องเฟื่องฟู
ขนมบัวลอยจีน หมายถึง ความกลมเกลี่ยว ผูกพันของครอบครัว
ขนมไข่ หมายถึง ความเจริญเติบโต
ขนมจันอับ หมายถึง มีความสุขตลอดไป
สาลี่ หมายถึง รุ่งเรือง
ขนมเปี๊ยะ หมายถึง สิริมงคล ความสามัคคีในครอบครัว
ขนมปุยฝ้าย หมายถึง ความเฟื่องฟู งอกงาม
เลขไหนดี จัดชุดไหว้ตรุษจีน
จำนวนในการเตรียมของไหว้นั้น อาจเป็น 3 อย่าง 5 อย่าง หรือ 9 อย่างก็ได้ เพราะทั้งหมดต่างเป็นเลขที่นิยมใช้ในการจัดของไหว้และมีความหมายมงคลทางโหราศาสตร์จีน โดยเลข 3 จะหมายถึงการกำเนิด ในภาษาจีนมักเรียกการจัดของไหว้ 3 อย่างว่า "ซาแซ" , เลข 5 จะหมายถึงความสัมพันธ์ของธาตุทั้ง 5 ในภาษาจีนมักเรียกการจัดของไหว้ 3 อย่างว่า "โหงวแซ" และ เลข 9 หมายถึงความยาวนาน ยั่งยืน
"ตรุษจีนปีนี้" ซึ่งก้าวเข้าสู่ปีมะโรง ปีที่ 5 ของรอบนักษัตร คนส่วนมากจะนิยมจัดของไหว้ 5 อย่างตามเลขรอบของนักษัตร แต่หากยึดถือตามคำแนะนำของ "หมอช้าง ทศพร ศรีตุลา" เลขมงคลในการเตรียมของไหว้ในปีนี้จะเป็นเลข 9
ก่อนหน้านี้ หมอลักษณ์ ราชสีห์ ได้เปิดเผยเคล็ดลับการไหว้ตรุษจีนว่า วันสำคัญคือวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 จะเป็นวันรับพระเจ้าแห่งโชคลาภและเงินตรา ตอน 5 ทุ่มถึงตี 1 ซึ่งการจัดไหว้เอง มันขึ้นอยู่ที่ว่าคุณมีองค์ความรู้ เชื่อถือ ศรัทธา เพราะฉันเป็นไทย คุณไม่ต้องไหว้ก็ได้ ไม่ได้บังคับ
อย่างไรก็ตาม แต่ถ้าคุณเป็นผู้มีศรัทธา อาจารย์ไม่แนะนำให้ไหว้ที่บ้าน เดี๋ยวไฟ เทียน มันอันตราย กลางคืน เราไปวัดจีนเช่น วัดเล่งเน่ยยี่ เยาวราช และ วัดจีนประชาสโมสร หรือ เล่งฮกยี่ จังหวัดฉะเชิงเทรา เพราะเขาจะจัดเตรียมชุดไหว้เอาไว้ มันไม่ได้แพง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : "หมอลักษณ์ ราชสีห์" ฟันธง 12 ราศี จุดเปลี่ยนชะตาชีวิตครั้งใหญ่หลังตรุษจีน