"มศว."​ ระบุไม่ควรเผยแพร่หนังสือ​ "Portrait​ ธนาธร" ในห้องสมุด​ เหตุเพราะ​ "ส่อถึงการล้มล้าง.xxx"? ห้ามนิสิตยืม​ ให้ไปหาอ่านเอง ...

บทความพิเศษ  ดร.เวทิน​ ชาติกุล

 

ขอเล่าทวนความ

นิสิตแจ้งผมมา​ ว่าจะยืมหนังสือ​ "Poitrait​ ธนาธร"   เขาจองไว้​ตามสิทธิ์​ (เพราะมีคนยืมไปก่อนหน้านั้นแล้ว)​ แต่​เขาบอกว่าห้องสมุด​มศว​ โทรมาบอกว่าหนังสือมาแล้วแต่ตัดสิทธิ์​ #ไม่ให้ยืมแล้ว  เขาจึงเข้าไปสอบถามเหตุผล​ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น​ = #ปิดกั้นเสรีภาพการเรียนรู้ของนิสิต​ ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นในมหาวิทยาลัย​ และควรมีวิธีแก้ปัญหา (ถ้าคิดว่ามีปัญหา)​ ที่ดีกว่านี้

 

 

ล่าสุดนิสิตแจ้งผมกลับมาแบบนี้​ (ผมเชื่อว่าเขาพูดตามจริง)​ จึงจะขอนำเสนอทั้งหมดตามจริง(เปลี่ยนคำย่อนิดหน่อยให้อ่านง่ายขึ้น)​ ที่เหลือขอให้เป็นวิจารณญาณของแต่ละท่านเองในการพิจารณาเรื่องนี้
- -​ -​ -​ -​

จารย์​ จนท.ห้องสมุดเขาให้เข้าไปคุยกับหัวหน้าห้องสมุดเลย เขาบอกว่ามีสองเหตุผลที่ไม่ให้ยืมคือ หนังสือเปียกน้ำ และอีกเหตุผลคือเป็นหนังสือที่มีปัญหาทางการเมือง ล่อแหลม เลยถามว่าที่ไม่ให้ยืมอีกต่อไปเป็นดุลพินิจของใคร เขาก็บอกว่าเป็นการคุยกันของทางห้องสมุดเอง ว่าไม่ควรเผยแพร่หนังสือแบบนี้ในห้องสมุด เขาก็บอกว่าตอนที่เป็นหนังสือเรื่องคอมมิวนิสต์ก็มีการพิจารณาเรื่องนี้เหมือนกัน บอกว่าหนังสือส่อถึงการล้มล้างบางสิ่งบางอย่าง เค้าพูดงี้เลย

 

ละหนูบอกว่า หนูอยากรู้​ เพราะ​ อ.ให้มายืม​หนังสือเล่มนี้เพราะจะใช้ทำรายงาน จะได้รู้ว่าไม่ให้ยืมแล้ว  เขาก็บอกว่าให้ลองไปหาดู แต่ตามท้องตลาดเขาเก็บหมดแล้วนะไม่น่าจะมีขายแล้ว
- -​ -​ -​ -​

อนึ่ง​ หนังสือ​ Portrait​ ธนาธร​ เป็นบทสัมภาษณ์​โดย​ วรพจน์​ พันธ์ุพงศ์​ พิมพ์โดยสำนักพิมพ์บางลำพู​ ออกมาประมาณปลายๆปี​ 2018​ (ก่อนเลือกตั้ง)​ มาเป็นข่าวหลังการเลือกตั้ง​ 24​ มี.ค.​2562​ หลังชัยชนะท่วมท้นของพรรคอนาคตใหม่​เมื่อมีข้อมูลเผยแพร่ในโซเซียลมีเดีย​ว่า​ ไม่อาจหาซื้อได้ในร้านหนังสือ​ เพราะ​ "ถูกเรียกเก็บ" เนื่องจากมีข้อความที่ไม่เหมาะสม​

 

 

การเรียกเก็บหนังสือเล่มนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ​ คสช.หรือรัฐบาล​ เพราะปล่อยให้หนังสือวางขายมานานแล้ว​ และไม่มีคำสั่งใดๆออกมา​ แต่น่าจะมาจาก​ สนพ.เอง​ โดยไม่แจ้งสาเหตุ​ (จากการสอบถามหน้าร้าน​บอกว่า​ สนพ.เรียกกลับไป​เพื่อ​ ปรับปรุง​ และพิมพ์ใหม่)​  จนกระทั่ง​ อาจารย์สุวินัย​ ภรณวลัย​ ได้โพสถึงเนื้อหาบางส่วนของหนังสือเล่มนี้​ดังต่อไปนี้ Portrait ธนาธร : แกะรอยความคิดและความจริงในตัวธนาธร / สุวินัย ภรณวลัย

โดยส่วนตัวผมรู้จักคุณวรพจน์ พันธุ์พงศ์ คนสัมภาษณ์ธนาธรในหนังสือ " Portrait ธนาธร" มานานร่วมยี่สิบปี(ในฐานะที่ผมเคยถูกเขาสัมภาษณ์ไม่ต่ำกว่าสองครั้งในอดีต) เขาเป็นนักสัมภาษณ์มืออาชีพและมือหนึ่งระดับต้นๆที่หาคนทัดเทียมยากมากแม้ในยุคนี้  ผลงานหนังสือ " Portrait ธนาธร" (ตุลาคม 2018) คือเครื่องพิสูจน์อย่างดี เขาสัมภาษณ์ได้ดียิ่ง และธนาธรก็เต็มใจเปิดเผยความคิดของเขาแทบทุกเรื่องที่โดนซักถาม

 

นี่เป็นหนังสือสัมภาษณ์ที่เร้าใจที่สุดเล่มหนึ่งที่ผมเคยอ่านมา ... ผมมีหนังสือเล่มนี้หลายเดือนแล้ว ก่อนทราบผลเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม 2562 ผมจงใจไม่อ่านมัน แต่เลือกอ่านหนังสือเล่มนี้ ในวันที่ธนาธรกำลังจะเจอบททดสอบของจริง ซึ่งเจ้าตัวก็รู้ดีว่าวันนั้นต้องมาถึงอย่างแน่นอน แต่ธนาธรคงคิดไม่ถึงว่ามันจะมาเร็วขนาดนี้

ธนาธรเป็นคนที่ชัดเจนมากในความคิดของตัวเอง เขาบอกว่า "ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไม่ใช่เป้าหมายสูงสุด เป้าหมายสูงสุดคือการเปลี่ยนประเทศ" (หน้า 270) ธนาธรตระหนักดีว่า สิ่งที่เขาพูด เขาทำ มีคนฟัง มีคนเอาด้วย เห็นด้วยกับเขา (หน้า 272) ธนาธรมองว่า คุณสมบัติสำคัญของผู้นำประเทศ คือต้องมีเจตจำนงทางการเมืองเป็นหลัก เมืองไทยมีคนเก่งกว่าเขาเยอะแยะไปหมด

 

 

แต่มีตัวเขาคนเดียวเท่านั้นที่มีเจตจำนงทางการเมืองที่ต้องการ "ให้ไทยออกจากวังวนของเผด็จการ วังวนของอำนาจนิยมที่รับใช้ชนชั้นนำให้ได้" (หน้า 273) เจตจำนงทางการเมืองของธนาธรในวัยสี่สิบตอนนี้ มีความห้าวและอหังการในระดับเดียวกับเสกสรรค์ ประเสริฐกุลอดีตผู้นำนักศึกษาในวัยก่อนสามสิบหรือในช่วงระหว่างปี 2516-2523 ก็เห็นจะไม่ผิดนัก

 

ธนาธรไม่เคยมองว่าตำแหน่งนายกฯ คือ ลิมิตสูงสุดของตัวเขา  ธนาธรเป็นนักผจญภัย เขาต้องการท้าทายลิมิตสูงสุดของตัวเขาเองในทุกเรื่อง ในฐานะผู้นำทางการเมือง ธนาธรมุ่งเป้าไปที่การทำให้ตัวเขา "มีอำนาจมากพอที่จะไปต่อรอง (กับ)××××" (หน้า 277) เขายอมรับว่าในการเคลื่อนไหวสร้างพรรคหาเสียง เขาพูดความจริงได้แค่ครึ่งเดียว ที่เขาพูดออกไปให้สังคมรับรู้ "ไม่เป็นความจริง มันเป็นความจริงแค่ครึ่งเดีบว เราถึงโดนฝ่ายก้าวหน้าด่า" (หน้า 277)

"ถามว่าเรารู้มั้ย รู้  เหี้ย มันก็รู้เหมือนกันหมดแหละ ปัญหาคือใครจะทำยังไง   เราคิดว่า วิธีการของเราคือต้องมีอำนาจและต่อรอง (กับ)××××  นี่ต่างหากคือเป้าหมาย ถ้าจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ เอาทหารออกจากการเมืองไม่ได้หรอก จัดการเรื่องนี้ไม่ได้ จัดการเรื่องศาลไม่ได้หรอก จัดการเหี้ยห่าอะไรไม่ได้  ถามว่าเรารู้มั้ย สิ่งที่เราพูดโดยไม่พูดเรื่องนี้ มะนไม่จริง มันเป็นไปไม่ได้ ถามว่ารู้มั้ย รู้ แต่มันพูดไม่ได้ ยังมีข้อจำกัด " (หน้า 277)

 

 

ตรงนี้แหละ คือ ความจริงอย่างที่สุดในความคิดและตัวตนของธนาธร เพราะเขาคือนักปฏิวัติที่มีเจตจำนงแรงกล้าที่ต้องการสานต่อภารกิจการปฏิวัติ 2475ให้สมบูรณ์ จึงไม่แปลกที่เมื่อธนาธรเป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ปิยบุตรจึงต้องเป็นเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่เพราะมีอุดมการณ์ปฏิวัติ 2475 เหมือนกัน

ธนาธรคือผู้นำทางการเมืองคนเดียวในประทศนี้ตอนนี้ ที่ขีดเส้นแบ่งชัดเจนให้ประชาชนต้องตัดสินใจเลือกข้างว่าจะเลือกอยู่ฝั่งเดียวกับเขาแล้วช่วยกันผลักดันการปฏิวัติ 2475 ให้สำเร็จต่อไปหรือไม่  ผม (สุวินัย) ไม่ใช่คนโลกสวยและไร้เดียงสาทางการเมือง ผมตระหนักดีว่าอะไรจะตามมาถ้าธนาธรมีอำนาจและต่อรองกับ ×××× เพื่อบรรลุเจตจำนงทางการเมืองของเขา

 

ผมเลือกอยู่ฝั่งเดียวกับธนาธรไม่ได้จริงๆ ผมไม่อยากเห็นสงครามกลางเมืองและเลือดนองแผ่นดินหลังจากนี้  ผมก็อยากเห็นการเปลี่ยนประเทศนี้ แต่มันจะเปลี่ยนได้จริงเมื่อแต่ละปัจเจกสามารถเปลี่ยนแปลงตนเองได้ด้วยพลังสติและ mindset ที่เป็นบวกเท่านั้น หาใช่การเปลี่ยนแปลงแบบมุ่งพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินอย่างที่ธนาธรและเหล่าสหายคิดแต่อย่างใดไม่ มันคือมิจฉาทิฐิ และเป็นทางเลือกแบบทุรโยชน์ ในภควัทคีตา มหาภาตะยุทธอย่างชัดเจน

 

 

ไม่ ....ไม่เด็ดขาด ไม่มีวันที่ผมจะเลือกแบบธนาธร  เพราะผมเลือกที่จะอยู่ข้างพระกฤษณะเสมอ เป็นคนของพระจ้าเสมอ ในภควัทคีตา มหาภารตะยุทธ ผมต่างอย่างสิ้นเชิงกับธนาธรในเชิงวิถีและทางเลือก ... ซึ่งทำให้หนังสือถูกนำมาพูดถึงกันมากขึ้น​อีกในโซเซียลมีเดีย เกิดการวิวาทะระหว่าง​ สุวินัย-เกษียร​ เตชะพีระ จนมาถึงล่าสุดคือ​ เหตุห้ามนิสิตยืมหนังสือ​ ตามที่นิสิตแจ้งมา

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

-ไพศาลป้องคุณธนาธรปมหุ้นสื่อ เปรียบชื่อร้านตัดผ้า แต่ขายข้าวมันไก่
-19อนค.สมัครจิตอาสางานพระราชพิธี ไร้เงาธนาธร ปิยบุตร
-แค่ของย้อมสี! "เพจพี่คนดี" ร่ายกลอนชำแหละพฤติกรรม "ธนาธร" ฝ่ายก้าวหน้าของปลอม!