- 29 พ.ค. 2562
ไร้เดียงสาอีกแล้ว!! “โอ๊ค พานทองแท้” ยก"ประชาธิปไตย" โชว์เกรียนแว้งกัดปชป. ย้อนดูคนใกล้ๆก่อนมั๊ย โกงค่าข้าวแล้วหนี ปากบอกทำเพื่อประชาชน??
ถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมืองครั้งประวัติศาสตร์ ด้วยความไม่ลงตัวในหลายมิติ ทั้งขั้วการเมืองที่ต่างในจุดยืน ระหว่างทิศทางการสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ กับ ไม่สนับสนุนคสช. กลับมามีอำนาจบริหารประเทศ จนมาช่วงท้ายด้วยผลประโยชน์พรรคการเมือง ซึ่งถือเป็นตัวแปรในการกำหนดบทบาทแต่ละพรรค ก่อน นำไปสู่การรวมเสียง หรือยืนอยู่ข้างไหนกันแน่??
ล่าสุดในช่วงฝุ่นตลบ “โอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร ก็สบช่องออกมาขยี้จุดอ่อน เรื่องการจัดตั้งรัฐบาลทันที โดยไม่สนใจว่าก่อนหน้านั้น 7 พรรคการเมืองซีกพรรคเพื่อไทย อนาคตใหม่ ก็เคยทอดไมตรีเชิญชวนพรรคประขาธิปัตย์ มารวมจัดรัฐบาลขั้วที่ 3 อย่างไม่มีข้อแม้
กระทั่ง “สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” แคนดิเดทนายกรัฐมนตรี ลำดับที่ 1 ถึงขนาดประกาศไม่รับตำแหน่ง โดยใช้ประเด็นเรื่องต่อต้านเผด็จการมาเป็นกริมมิกซ์ มาสร้างเรื่องให้สมเหตุสมผล !!
ตรวจสอบจากเฟซบุ๊ก Oak Panthongtae Shinawatra นายพานทองแท้ ร่ายยาวไปถึงที่มาการตั้งชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ช่วงอายุ 70 ปี พร้อมเปรียบเทียบว่าเสมือนเป็นพรรคดำรงตัวมาด้วย อุดมการณ์ประชาธิปไตย แต่วันนี้ทำท่าจะกระทำขัดต่ออุดมการณ์ตัวเอง เพราะเข้าร่วมกับรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ??
ทั้งที่โดยข้อเท็จจริง องค์ประกอบของรัฐบาลในอนาคต จะซีกไหนฝั่งไหน ก็มาจากการเลือกตั้ง มาจากระบบกฎหมายรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านกระบวนการประชามติ ด้วยคะแนนเสียงคนไทยส่วนใหญ่ เห็นชอบท่วมท้น 16,820,402 คะแนน หรือคิดเป็นร้อยละ 61.35 ต่อผู้ไม่เห็นชอบ จำนวน 10,598,037 หรือ คิดเป็น ร้อยละ 38.65
ในทางตรงข้ามสดๆร้อน ๆ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพิ่งอ่านคำพิพากษาลับหลัง คดีทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ในกรณีของ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือ หมอโด่ง วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการของ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ พรรคเพื่อไทย และนายสุธี เชื่อมไธสง คนสนิทของ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ เสี่ยเปี๋ยง นักธุรกิจค้าข้าวรายใหญ่ ที่มีสายสัมพันธ์ตรงกับนักการเมืองที่กลายเป็นนักโทษหนีคดีอาญา อย่าง ทักษิณ ชินวัตร
โดยคำพิพากษาชัดความผิด สั่งให้ลงโทษจำคุก พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือหมอโด่ง รวม 4 กระทงๆ ละ 18 ปี รวมจำคุกทั้งสิ้น 72 ปี แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 (3) ให้จำคุกไว้เป็นเวลา 50 ปี
ส่วนนายสุธี ให้จำคุก 4 กระทงๆ ละ 8 ปี รวมจำคุกทั้งสิ้น 32 ปี พร้อมกับให้ชำระค่าเสียหายในส่วนแพ่งให้กับกระทรวงการคลัง เป็นเงิน 16,912,128,273.66 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันทำสัญญา
หลังจากก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2562 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อม. 282/2560 ให้ทรัพย์สินของ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือหมอโด่ง จำนวน 896,554,760.28 บาท ตกเป็นของแผ่นดิน สืบเนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดร่วมกระทำทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกและการระบายข้าว และมีมติว่าหมอโด่งร่ำรวยผิดปกติ
นี่เป็นเพียงบางส่วนของพฤติการณ์ที่เกิดขึ้น ภายใต้ช่วงระเวลารัฐบาล ที่ก่อกำเนิดขึ้นมาด้วยระบอบทักษิณ และ พรรคประชาธิปัตย์เองก็ต่อสู้เรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 2544 หรือเมื่อ 18 ปีก่อน นับจาก ทักษิณ ชินวัตร พรรคไทยรักไทย ผลักดันตัวเองมาทำงานการเมือง แล้วโดนข้อหาทุจริตต่างกรรมต่างวาระ ก่อนหนีคดีออกไปต่างประเทศ เพราะการดำเนินนโยบายผลประโยชน์ทับซ้อน
ตามด้วย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พรรคเพื่อไทย ผู้เป็นน้องสาว ในรูปแบบเดียวกัน คือ หลบหนีโทษความผิดคดีอาญา จากการกระทำทุจริตต่อหน้าที่ ในขณะดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารประเทศ
จนมาถึงกระทั่งทีมงาน อย่าง พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือ หมอโด่ง วัจนะ และ นายสุธี เชื่อมไธสง ซึ่งศาลมีคำสั่งให้ออกหมายจับ เพื่อติดตามจับกุมตัวบุคคลทั้งสองที่อยู่ในระหว่างหลบหนีคดีมาบังคับคดีต่อไป
ในมุมกลับจริงๆ ถ้า โอ๊ค พานทองแท้ จะย้อนประวัติศาสตร์การเมือง พรรคประชาธิปัตย์ เพราะหวังเอาคำว่า ประชาธิปไตย ไปใช้กระทบกระเทียบ กดดัน โอ๊คก็ต้องไม่ลืมว่า ประวัติศาสตร์ของ ทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นพ่อ ก็ผ่านมาเยอะในเรื่องการตั้งพรรคการเมือง ในลักษณะคิดอย่าง ทำอีกอย่าง
เช่น กรณี พรรคไทยรักไทย ก่อตั้งวันที่ 14 ก.ค.2541 วางสโลแกนไว้ชัด คิดใหม่ ทำใหม่ เพื่อไทยทุกคน แต่บทสรุปท้ายสุด รัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร โดนไม่รู้กี่ข้อหา และ การชี้มูลความผิดเกี่ยวโยงกับการทุจริต คอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย
หรือแม้แต่ พรรคเพื่อไทย ยุค ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่รับนโยบายการบริหารประเทศ โดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าว มาจากผู้เป็นพี่ชายอีกทอดหนึ่ง ก็กระทำซ้ำเรื่องการทุจริต คอร์รัปชั่น เพื่อผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง
ส่งผลให้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ต้องจัดสรรเงินงบประมาณประเทศ หรือ เงินภาษีงบประมาณ ปีละกว่า 5 หมื่นล้านบาท มาทยอยชดใช้ ชดเชย คืนสถาบันการเงิน จากหนี้สินต่าง ๆ มูลค่ากว่า 5 แสนล้านในโครงการรับจำนำข้าว รวมถึงยังต้องเป็นเจ้าหน้าที่ทางกฎหมาย ในการติดตามผู้กระทำผิด ที่หลบหนีลอยนวลไปต่างประเทศมาลงโทษ
โดยหลักการที่ถือเป็นแนวคิดของพรรคเพื่อไทย นับจากวันก่อตั้ง 20 กันยายน พ.ศ. 2551 ระบุไว้ หัวใจ คือ ประชาชน ก็ยังดำรงอยู่จนถึงทุกวันนี้ ไม่รู้โอ๊คจะจำได้หรือเปล่า ก่อนจะไปยุ่งย่ามพรรคอื่นเขา ??