- 25 มิ.ย. 2562
ถึงนาทีนี้ดูจะเลยเถิดไปไกลเกินภาพการทำหน้าที่ตรวจสอบไปแล้ว สำหรับกรณีการถือครองหุ้นสื่อซึ่งถือเป็นการกระทำ ตามข้อห้ามในบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 98 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 42 เพราะการต่อสู้โดยกระบวนการยื่นคำร้อง เอาผิดระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้าน ชัดเจนว่าเป็นเกมส์การเมือง
ถึงนาทีนี้ดูจะเลยเถิดไปไกลเกินภาพการทำหน้าที่ตรวจสอบไปแล้ว สำหรับกรณีการถือครองหุ้นสื่อซึ่งถือเป็นการกระทำ ตามข้อห้ามในบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 98 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 42 เพราะการต่อสู้โดยกระบวนการยื่นคำร้อง เอาผิดระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้าน ชัดเจนว่าเป็นเกมส์การเมืองถึงนาทีนี้ดูจะเลยเถิดไปไกลเกินภาพการทำหน้าที่ตรวจสอบไปแล้ว สำหรับกรณีการถือครองหุ้นสื่อซึ่งถือเป็นการกระทำ ตามข้อห้ามในบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 98 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 42 เพราะการต่อสู้โดยกระบวนการยื่นคำร้อง เอาผิดระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้าน ชัดเจนว่าเป็นเกมส์การเมือง
งานนี้ถ้าไล่ลำดับความ ต้องไปเริ่มต้นจากการที่พรรคอนาคตใหม่ รวมรายชื่อยื่นเรื่องต่อ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้ดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลชุดแรก จำนวน 30 คน จากส่งข้อมูลเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2562 และ อีก 11 คน ในการนำส่งข้อมูลเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2562 เพื่อวินิจฉัยคุณสมบัติ เรื่องการถือครองหุ้นในกิจการสื่อสารมวลชน ตามมาตรา 82 ของรัฐธรรมนูญ 2560
ในจำนวน 41 รายชื่อส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ดังกล่าว แยกเป็น ส.ส.จากพรรคพลังประชารัฐ มากสุด จำนวน 27 คน , พรรครวมพลังประชาชาติไทย 2 คน , พรรคประชาภิวัฒน์ 1 คน , พรรคประชาธิปัตย์ 10 คน และ พรรคภูมิใจไทยอีก 1 คน
โดยเหตุโดยผลที่พรรคอนาคตใหม่ นำประเด็นมาต่อสู้ แยกเป็น 2 กรณีสำคัญ ๆ คือ 1.เพื่อใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง เพราะมีการเทียบเคียงตลอด ว่าต้องการเห็นมาตรฐานของกระบวนการยุติธรรม สืบเนื่องจากคำสั่งให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ หยุดปฏิบัติหน้าที่
และ 2. เพื่อสร้างจุดเปลี่ยนดุลอำนาจทางสภาฯ จากเดิม 7 พรรคฝ่ายค้าน ถือเป็นเสียงข้างน้อย แต่ในกรณีถ้าสามารถทำให้ 41 ส.ส.ถูกคำสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ได้ ก็เท่ากับจะกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย
กรณีหลังนี้ต้องย้ำว่า เป็นเหตุเป็นผล สืบเนื่องจาก รังสิมันต์ โรม ส.ส.อนาคตใหม่ เคยนำมาแถลงเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2562 ว่า การยื่นตรวจสอบ 41 รายชื่อ ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาล เพราะพบว่าในวันดำรงตำแหน่งส.ส.ยังมีรายชื่อตามหนังสือบริคณฑ์สนธิ ประกอบกิจการสื่อมวลชน และหากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ ส.ส.ตามรายชื่อที่ยื่นไป หยุดปฏิบัติหน้าก็จะส่งผลให้เกิดภาวะรัฐบาลเสียงข้างน้อย ซึ่งถือเป็นอันตรายต่อการบริหารประเทศ
คำกล่าวลักษณะนี้คงไม่ต้องแปลความ ว่า เจตนาของพรรคอนาคตใหม่ ต่อการเดินหน้ากดดันให้ศาลรัฐธรรมนูญ เร่งพิจารณาคำร้องการถือครองหุ้นสื่อของ 41 ส.ส. มีนัยแฝงเร้นหรือไม่ อย่างไร
แต่ประเด็นสำคัญ เช่นที่ “สำนักข่าวทีนิวส์” นำเสนอไปก่อนหน้าก็คือ รายละเอียดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรค 3 ซึ่งระบุว่า “มิให้นับสมาชิกผู้แทนราษฎร หรือ สมาชิกวุฒิสภาซึ่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามวรรคสอง เป็นจำนวนสมาชิกทั้งหมด เท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร หรือ วุฒิสภา”
ทั้งนี้กรณีของ มาตรา 82 วรรค 2 ก็คือ การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ต่อคำร้องเรื่องคุณสมบัติส.ส. แล้วมีคำสั่งให้สมาชิกผู้ถูกร้อง หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย รวมถึงในกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า สมาชิกภาพของสมาชิกผู้ถูกร้องสิ้นสุดลง และให้ผู้นั้นพ้นจากตำแหน่ง นับวันหยุดปฏิบัติหน้าที่
หมายความว่าในกรณีศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ส.ส.ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ หรือ พ้นจากตำแหน่ง จะกี่มากคนก็ตาม จำนวน ส.ส.เหล่านั้น จะไม่ถูกนำไปนับรวมเป็นจำนวน สมาชิกของสภาผู้แทนราษฎร หรือ วุฒิสภา หรือ หมายถึงว่า ผลของบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรค 2 และ วรรค 3 โดยหลักการจะไม่มีผลต่อองค์ประชุมสภา
ในทางตรงข้าม กรณีการแก้เกมส์การเมืองล่าสุดของพรรคพลังประชารัฐ ในการเข้าชื่อขอให้มีการตรวจสอบ ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้านเรื่องการถือครองหุ้นสื่อ และคาดว่าจะมีจำนวนมากถึง 55 ราย แยกเป็น พรรคอนาคตใหม่ จำนวน 33 คน , พรรคเพื่อไทย 10 คน , พรรคเพื่อชาติ 4 คน , พรรรคเสรีรวมไทย 4 คน , พรรคประชาชาติ 2 คน , พรรคเศรษฐกิจใหม่ 1 คน และ พรรคพลังปวงชนชาวไทย อีก 1 คน
กดเครื่องคิดเลขแล้ว นับแบบเร็ว ๆ นาทีนี้ ถ้ามีส.ส. 100 คนถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพราะถือหุ้นสื่อ แล้วนำมาตรา 82 วรรค 3 มาพิจารณาประกอบ องค์ประชุมสภาผู้แทนราษฎรจาก 500 ก็จะเหลือ 400 คน และในกรณีการพิจารณาร่างกฎหมาย ซึ่งยึดเอาเสียงข้างมาก จำนวนสมาชิก ส.ส.ในการผ่านร่างกฎหมาย จะใช้เสียง 201 คนขึ้นไป
ประเด็นก็คือ แล้วพรรคร่วมรัฐบาล และ ฝ่ายค้าน ใครคือ เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร
ถ้าวัดจากตัวเลขล่าสุด ตามสัดส่วนส.ส. แบบตัวเลขกลม ๆ กรณีส.ส.ทั้ง 96 รายชื่อต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เท่ากับว่า ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลจะเหลือ 213 เสียง จากเดิม 254 เสียง ขณะที่พรรคร่วมฝ่ายค้าน จะลดลงไปเหลือ 191 เสียง จาก 246 เสียง
เท่ากับประเด็นว่า ความพยายามทำให้รัฐบาล”พล.อ.ประยุทธ์” กลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยของ พรรคอนาคตใหม่มีแนวโน้มจะตกไปโดยปริยาย แต่ทั้งหมดนี้ยังเป็นแค่จุดเริ่มต้นของเกมส์การเมือง และท้ายสุดต้องรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ว่า จะมีข้อสรุปอย่างไร ตลอดจน 2 ขั้วการเมืองจะเดินเกมส์ต่อไป ในรูปแบบไหน ??