ลือ "ทักษิณ" วางมือการเมือง"เพื่อไทย" มีหนาว!! แต่อย่าเพิ่งวางใจ เพราะประกาศมากี่ครั้งกี่หนแล้ว !!!

ในรายการเที่ยงตรงกับสนธิญาณ ได้นำเสนอในตอน ลือ "ทักษิณ" วางมือการเมือง"เพื่อไทย" มีหนาว!!แต่อย่าเพิ่งวางใจ เพราะประกาศมากี่ครั้งกี่หนแล้ว !!!

ในรายการเที่ยงตรงกับสนธิญาณ ได้นำเสนอในตอน ลือ "ทักษิณ" วางมือการเมือง"เพื่อไทย" มีหนาว!!แต่อย่าเพิ่งวางใจ เพราะประกาศมากี่ครั้งกี่หนแล้ว !!! ซึ่งคุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ได้ระบุเอาไว้ว่า ข่าวที่โด่งดังไปทั้งประเทศไทยแพร่กระจายอย่างรวดเร็วนะครับ ไม่รู้ว่าเป็นข่าวดีหรือข่าวร้าย นั่นคือข่าวว่าทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของประเทศ จะวางมือทางการเมือง สังคมไทยนะครับในช่วงระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมานี้นะครับ นับตั้งแต่ทักษิณได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางทางการเมืองเมื่อปี พ.ศ.2537 กับพรรคพลังธรรม โดยการชักนำของพลตรีจำลอง ศรีเมือง มาถึงวันนี้นะครับ สีสันทางการเมืองเนื้อหาทางการเมือง เนื้อหาของสังคมไทยแปรเปลี่ยนไปเพราะบุคคลคนนี้ นั่นสามารถพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าทักษิณ ชินวัตร ไม่ใช่คนธรรมดาที่จะมองข้าม

ทำไมผมต้องเรียนว่าทักษิน ชินวัตรไม่ใช่คนธรรมดาที่จะมองข้ามก็เพราะเวลามีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น หลายคนบอกว่าเมื่อไหร่สังคมไทยจะมองข้ามทักษิณ ชินวัตรไปซักทีนึง มองข้ามไม่ได้หรอกครับ เพราะบทบาทการเคลื่อนไหว ระบบคิดการวางเครือข่ายและเม็ดเงินที่มีอย่างมหาศาล สามารถที่จะทำให้กระบวนการต่อสู้ของทักษิณ ซึ่งไม่ได้สู้เพื่ออุดมการณ์อะไรหรอกครับ แต่เป็นการสู้เพื่อตัวเอง เข้มแข็งและยั่งยืนมาจนถึงปัจจุบัน เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปล่ะครับว่าหลังจากที่ทักษิณก้าวเข้าสู่การเมืองโดยการชักนำของพลตรีจำลอง ศรีเมือง ดังที่เรียนไปแล้วเมื่อปี พ.ศ.2537 นะครับ 

ทำงานการเมืองในพรรคพลังธรรมอยู่ระยะหนึ่ง เห็นว่าไม่ได้เรื่อง ไม่ได้การ ไม่สามารถที่จะคอนโทรลหรือควบคุมอำนาจได้ทั้งพรรคนะครับ จึงมีการจัดตั้งพรรคไทยรักไทยขึ้นในปี พ.ศ.2541 นะครับ และหลังจากนั้นอีก 3 ปี ทักษิณ ชินวัตรก็ประสบความสำเร็จในการก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 2 ของประเทศ ผู้คนในสังคมไทยแซ่ซ้องสรรเสริญ เพราะเชื่อมั่นว่าความร่ำรวยของทักษิณ จะทำให้ทักษิณเป็นนักการเมืองที่เป็นคลื่นลูกใหม่ รวยแล้วจะไม่โกง แต่ดันกลับเป็นตรงกันข้าม เพราะทักษิณที่รวยมาจากธุรกิจสัมปทานที่เอารัดเอาเปรียบประเทศมาโดยตลอด เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีก็ใช้ตำแหน่ง อำนาจ หน้าที่ในการเอื้อธุรกิจ เอื้อประโยชน์ให้กับตัวเอง 

จนทำให้ประชาชนจำนวนมากทนไม่ไหว ออกมาประท้วงแล้วก็คัดค้าน จนที่สุดที่เกิดแรงระเบิดในรอบแรกก็คือการทำให้ทักษิณ ชินวัตรได้ขายบริษัทในเครือชินวัตรให้กับต่างชาติคือสิงค์โปร์ ซึ่งมีการซับซ้อน ยอกย้อน ซ่อนเงื่อนในการหลีกเลี่ยงภาษี และก็นำพาไปสู่การขุดคุ้ยให้เห็นว่าทักษิณกระทำดังกล่าวนั้นนอกจากเป็นการหลีกเลี่ยงภาษีแล้ว ยังเสมือนเป็นการขายชาติ เอาธุรกิจโทรคมนาคม และธุรกิจสื่อก็คือไอทีวี ไปอยู่ในมือของบริษัทต่างชาติ การประท้วงขนานใหญ่จึงเกิดขึ้นและนำพาไปสู่การยึดอำนาจในวันที่ 19 กันยายน 2549 ในระหว่างที่การยึดอำนาจเกิดขึ้นนั้น ทักษิณไปประชุม UN ที่สหรัฐอเมริกา จึงต้องเร่ร่อนอยู่ต่างประเทศช่วงระยะเวลาหนึ่ง 
 

จนต่อมาได้เดินทางกลับประเทศไทยเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2551 นะครับ วันนั้นภาพปรากฎออกไปทั่วประเทศ ทักษิณก้มกราบแผ่นดิน ประกาศดีใจที่ได้กลับคืนสู่ผืนแผ่นดินแม่นะครับ แต่ปรากฎว่าเพียงระยะเวลา 4-5 เดือนเท่านั้นที่ทักษิณอยู่ในเมืองไทย ก็ต้องหลบหนีออกนอกประเทศเพราะศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองจะตัดสินคดีที่ดินรัชดาที่ทักษิณเอื้่อประโยชน์ให้ภรรยาในขณะนั้นคือคุณหญิงพจมานไปซื้อโดยอาศัยอำนาจในการเป็นนายกรัฐมนตรีเลื่อนวันหยุดเพื่อเปิดช่องให้คุณหญิงพจมานไปซื้อได้ แล้วกฎหมายก็ห้ามไม่ให้ภรรยาของนักการเมืองหรือตัวนักการเมืองเองเข้าไปซื้อ จนเกิดกลายเป็นประเด็น และศาลได้ตัดสินจำคุกทักษิณ ชินวัตร ซึ่งในขณะนั้นหนีออกนอกประเทศไปแล้ว โดยอ้างต่อศาลว่าจะไปดูกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศจีน และนับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ทักษิณก็ไม่ได้เดินทางกลับประเทศอีกเลย 

แต่นั่นไม่ใช่สาระสำคัญหรอกครับ เพราะหลังจากนั้นนะครับในปลายปี พ.ศ.2551 นะครับ ต่อเนื่องต้นปี 2552 ทักษิณ ชินวัตรก็ประกาศจะกลับประเทศไทยอีกครั้งหนึ่งโดยการชุมนุมต่อสู้ของคนเสื้อแดงที่เรียกตัวเองว่า นปช. และการชุมนุมประท้วงนะครับในปี พ.ศ.2552 จบลงโดยกองทัพและรัฐบาลสามารถสลายการชุมนุมได้โดยไม่มีผู้ใดเสียชีวิต แต่นั่นเป็นบทเรียนของฝ่ายชุมนุมประท้วงที่ทำให้เกิดการชุมนุมขึ้นอีกครั้งหนึ่งในปี พ.ศ.2553 และกลายมาเป็นประเด็นเลือด ประเด็นเศร้าสะเทือนใจของคนไทยมาจนถึงปัจจุบัน ในการชุมนุมในปี พ.ศ.2552 ซึ่งได้เกิดการสลายการชุมนุมไปโดยไม่มีผู้ใดเสียชีวิต มีแต่การบาดเจ็บบ้างเล็กน้อย ปี พ.ศ.2553 แกนนำ นปช.บางคน โดยอริสมันต์ พงศ์เรืองรองได้ประกาศก่อนวาในการชุมนุมครั้งนี้ หากมีการปราบปรามผู้ชุมนุมจะมีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายออกมาปกป้องประชาชน 

การประกาศของอริสมันต์ พงศ์เรืองรองก็ปรากฎเป็นจริงขึ้นในวันที่ 10 เมษายน 2553 เมื่อทหารได้เคลื่อนกำลังเข้าสลายการชุมนุมที่สี่แยกคอกวัวและบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในช่วงเวลาค่ำ กระสุน M79 ของชายชุดดำก็ลั่นใส่บรรดาทหารเกณฑ์ซึ่งเดินเข้าไปมีเพียงโล่และกระบอง โดยโหดร้าย ทารุณ ทหารกองร่วงลงกับพื้น รถพยาบาลจะเข้าไปช่วยก็ถูกขัดขวาง และสิ่งที่สังคมไทยจะต้องรู้นะครับในเวลานั้นได้มีการระเบิดเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงสองต้น เพื่อหวังที่จะให้ไฟในกรุงเทพดับ เพราะเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงสองต้นนั้นเป็นสายส่งที่นำไฟเข้าสู่กรุงเทพมหานคร คิดดูนะครับวันนั้นถ้าไฟดับทั่วประเทศจะมีคนบาดเจ็บล้มตายขนาดไหน 10 เมษายน 2553 นะครับคือชนวนสำคัญพาคนไปตายและต้องการให้คนตายเพื่อจะโยนความผิดให้กับรัฐบาลอภิสิทธิ์และกองทัพในขณะนั้น เพื่อที่จะจุดกระแสการต่อสู้ของประชาชน

 เพื่อต้องการตอกย้ำว่ากองทัพและรัฐบาลอภิสิทธิ์ฆ่าประชาชน ซึ่งก็ใช้ได้ผลล่ะครับ ตอกย้ำมาจนถึงปัจจุบันว่าการชุมนุมครั้งนั้นมีคนตายถึง 99 คน ซึ่งคนที่ตายนั้นมีทั้งทหารและตำรวจ และโดยข้อเท็จจริงในวันที่ 10 เมษายนนั้นทหารตายและบาดเจ็บมากกว่าฝ่ายประชาชน นั่นเฉพาะในวันที่ 10 เมษายน นะครับ น่าสนใจข้อมูลเหล่านี้อย่าได้ลืมเลือน เหตุการณ์ได้มาจบลงวันที่ 19 พฤษภาคม หนึ่งเดือนเศษๆ ถามว่าทำไมเสื้อแดงสามารถที่จะตรึงกำลังอยู่ได้ในขณะนั้น เพราะทักษิณ ชินวัตร ปลุกเร้าข้ามประเทศมาตลอดเวลาว่าต้องสู้ และการที่ทหารไม่สามารถเข้าไปสลายการชุมนุมได้ เพราะมีกองกำลังชายชุดดำยิงสกัดทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ตลอดเวลา

 รวมทั้งยิงประชาชน เพื่อที่จะป้ายความผิดให้กับทหารเป็นระยะๆ  แต่ท้้ายสุดเรื่องราวก็จบลงได้ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 พร้อมทั้งการเผาทิ้งทวนเซนทรัลเวิร์ล และศาลากลางหลายแห่งในประเทศไทย โดยเฉพาะในภาคอีสาน และแน่นอนล่ะครับ นปช. คนเสื้อแดง และทักษิณไม่เคยยอมรับผิดในเรื่องราวดังกล่าวนี้ การต่อสู้ก็ดำเนินการมาโดยตลอดนะครับ จนยิ่งลักษณ์ได้ครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาจากการเลือกตั้ง แน่นอนครับพรรคเพื่อไทยทุจริตคอรัปชั่นอย่างรุนแรงในโครงการจำนำข้าว ทำให้ประเทศชาติเสียหายมาจนถึงทุกวันนี้นะครับ 8 แสนล้าน คนไทยทุกคนจะต้องผ่อนหนี้ให้ธนาคาร ธกศ. ปีละ 5 หมื่นล้านเศษไป 15 ปี คิดดูซิครับ 

ไม่นับการออกมาชุมนุมของประชาชนที่เรียกว่า กปปส. และถูกกองกำลังชายชุดดำ ไม่ต้องบอกล่ะครับสังกัดใคร ใครสนับสนุน เข่นฆ่าประชาชนตายไปอีก 27 ศพและบาดเจ็บอีกจำนวนนับร้อย ทักษิณปฏิเสธไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวมาโดยตลอดในทุกปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้นที่ผมลำดับความให้ฟัง แต่ท้ายที่สุดกองทัพก็เข้ายึดอำนาจอีกครั้งนึงโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา 5 ปีนับจากวันยึดอำนาจของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาจนถึงวันนี้นะครับ นำพาไปสู่การเลือกตั้งอีกครั้งนึงนะครับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาจัดตั้งรัฐบาลด้วยเสียงปริ่มน้ำ และมีปัญหาในพรรคพลังประชารัฐ ก่อนหน้านั้นทักษิณ ชินวัตรประกาศสู้สุดใจขาดดิ้นครับ ตั้งพรรคไทยรักษาชาติเป็นพรรคเครือข่าย เพียงแต่บ้านเมืองมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดลบันดาลใจให้มีการไปกราบทูลเชิญทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัลยามารับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีและนำพาไปสู่การยุบพรรคไทยรักษาชาติ

 หากวันนั้นนะครับไม่มีการยุบพรรคไทยรักษาชาติ วันนี้นะครับฝากฝั่งทักษิณ ชินวัตร พรรคในเครือข่ายบวกกับพรรคอนาคตใหม่ สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างแน่นอนครับ แต่การนำเสนอพระนามทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัลยาเป็นนายกรัฐมนตรีก็ทำให้คนไทยได้ประจักษ์และรับรู้ว่าพระองค์ท่านยังอยู่ในฐานะของพระราชวงศ์ เพราะหลังจากมีการนำเสนอชื่อต่อ กกต.ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 แล้วนะครับ วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2562 ถัดมาอีกเพียง 1 วัน ก็มีพระรางโองการประกาศให้รับรู้ว่าทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัลยายังเป็นสมาชิกพระราชวงศ์ ยังเป็นพระบรมวงษานุวงศ์อยู่ จึงไม่สามารถที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองได้

 และนั่นก็นำพาไปสู่การยุบพรรคไทยรักษาชาติ จนมาถึงวันนี้ครับจะถึงวันเกิดทักษิณ ชินวัตรในวันที่ 26 กรกฎาคม ที่จะถึงนี้ ปรากฎว่ามีข่าวนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล คนสนิทคนหนึ่งของทักษิณจะจัดงานวันเกิดเนื่องในวันคล้ายวันเกิดอายุครบ 69 ปี และบอกว่าตัวเองสูงวัยแล้ว เหนื่อยแล้ว จะขอวางมือทางการเมือง ก็เกิดข่าวลือว่าทักษิณ ชินวัตรจะวางมือทางการเมืองตามมาด้วย ตรงนี้น่าสนใจครับ เพราะหลังจากที่มีข่าวลือมาแล้วทักษิณก็ทวิตเตอร์ทันทีว่า ในวันเกิดครบรอบ 70 ปีของผม หลายท่านแจ้งว่าจะมาร่วมงาน ผมต้องขอโทษด้วยไม่ได้จัดงานในปีนี้ ผมคงทานข้าวกับลูกหลานในบ้าน 

ซึ่งสถานที่จำกัดและอากาศที่ดูไบร้อนเกือบ 50 องศา ไม่สามารถจัดงานนอกอาคารได้ ขอบคุณทุกท่านสำหรับความปรารถนาดีและยังนึกถึงกันเสมอ นั่นคือทวิตเตอร์ล่าสุดของทักษิณ แน่นอนครับ เป็นการบอกเป็นนัยๆหรือไม่ก็ต้องไปตีความกัน เพราะเวลาทักษิณ ชินวัตรต้องการเคลื่อนไหวทางการเมือง งานวาระสำคัญๆไม่ว่าจะเป็นวันเกิดหรือโน่นนี่นั่นก็จะมาจัดที่ฮ่องกงหรือสิงค์โปรเพื่อให้คนไทยหรือบรรดานักการเมือง มิตรสหายสามารถบินไปร่วมงาน แสดงพลัง และโชว์พลังให้คนในสังคมเห็นว่าทักษิณยังมีศักยภาพอยู่ แต่การประกาศปีนี้เป็นการลดบทบาทลง แต่อย่าลืมว่าทักษิณเคยประกาศเลิกเล่นการเมืองมาแล้วหลายครั้งหลายหนนะครับ 

ครั้งนี้จึงต้องจับตาเป็นกรณีพิเศษ และที่สำคัญนะครับในวันที่ 12 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ พรรคเพื่อไทยก็จะมีการจัดประชุมเพื่อคัดเลือกคณะผู้บริหารชุดใหม่ เพราะว่าผู้บริหารคือหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคก็ลาออกจากตำแหน่งเพื่อเปิดช่องให้คนใหม่เข้าไปนะครับ ข้ออ้างก็เพื่อที่จะปรับระบบการบริหารให้สอดคล้องกับสถานการณ์ แต่ ณ นาทีนี้ทุกฝ่ายจับจ้องและมองไปในการปรับโครงสร้างการบริหารของพรรคเพื่อไทย รวมทั้งดูว่าพวกที่แตกออกไปอยู่พรรคไทยรักษาชาติ และพรรคไทยรักษาชาติถูกยุบไปแล้ว เช่น จาตุรนต์ ฉายแสง ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ จะกลับมาที่พรรคเพื่อไทยหรือไม่นะครับ 

บทบาทเหล่านี้ล้วนจะต้องถูกจับตาทั้งสิ้นว่าใครจะขยับไปที่ตรงไหน ซึ่งนั่นจะแสดงให้เห็นทิศทางทางการเมืองของทักษิณ ซึ่งนั่นแน่นอนภายในเร็ววันนี้ อาจจะเป็นวันเกิดหรือก่อนถึงวันเกิด เราคงได้เห็นอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่สำหรับทักษิณ ชินวัตรแล้วผมบอกได้คำเดียว ยังวางใจไม่ได้