- 18 ก.ค. 2563
จับตาม็อบลูกใหม่ ใช้พลังนักศึกษาา ขยายภาคต่อจากเหตุโควิดระยอง เป้าหมายยั่วยุ รุนแรง เลียนแบบฮ่องกง
ถือเป็นเหตุกรณีที่ย้อนกลับมาอีกครั้ง หลังจากหยุดพักไปในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ทั้งกิจกรรมวิ่งไล่ลุง และ แฟลชม็อบ เมื่อช่วงต้นปี 2563 ที่ผ่านมา เมื่อ แฟนเพจ เยาวชนปลดแอก - Free YOUTH ประกาศเริ่มต้นการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยฉกฉวยสถานการณ์ในจังหวัดระยองมาจุดเชื้อไฟ และ 2 ใน 4 รายชื่อที่ร่วมกิจกรรมปราศรัย ก็คือ นายภานุพงศ์ จาดนอก และ นายณัฐชนน พยัฆพันธ์ ที่ถือป้ายใช้คำหยายด่า พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี จนถูกตั้งข้อหาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่อ้างกับสาธารณชนว่าเพียงต้องการมาพบเพื่อแสดงความเห็นตามระบอบประชาธิปไตย
(คลิกอ่านข่าวประกอบ : เปิดความรู้สึกโชเฟอร์รถตู้ระยอง มอง 2 ทีมไล่ลุง ถือป้ายด่าหยาบนายกฯ )
ในมุมลึกถ้าย้อนพิจารณาพฤติการณ์ของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้า และอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ในการแสดงความชื่นชมในสิ่งที่ นายภานุพงศ์ จาดนอก และนายณัฐชนน พยัฆพันธ์ กระทำลงไปอย่างออกนอกหน้า
โดยไม่สนใจในสิ่งที่เคยปรารภไว้ในอดีตว่า "ต้องไม่ใช้คำหยาบคาย ไม่ใช้วาจาที่ทำให้คนเกลียดชังไปมากกว่านี้" ทำให้ปฏิเสธไม่ได้ในกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ถึงบทบาทคณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกล จนกลายเป็นข้อคำถามคาใจ ว่า ใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลัง??
ขณะเดียวกันกับท่าทีของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า ในการโพสต์เรียกร้องจากเหตุกรณีที่เกิดกับจังหวัดระยอง ปลุกระดมผู้คนให้ออกมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองอีกครั้ง "เราอดทนกันมานานเกินพอสมควรแล้ว เราอดทนกับรัฐบาลเผด็จการคณาธิปไตย รัฐบาลที่ช่วยเหลือคนไม่กี่ตระกูลได้อย่างไม่ต้องลังเลใจ แต่พอต้องช่วยเหลือประชาชน กว่าจะออกมาตรการต่างๆ มาได้คิดแล้วคิดอีก ทบทวนแล้วทบทวนอีก มีข้ออ้างเสมอ แต่อีกด้านหนึ่งพร้อมที่จะเอางบประมาณไปสนับสนุนกลุ่มทุนขนาดใหญ่ หรือในการจับจ่ายซื้ออาวุธยุทธโธปกรณ์
คนเหล่านี้เคยคิดหรือไม่ว่าประชาชนคือเจ้านายของเขา คือผู้เสียภาษีแล้วกลายมาเป็นเงินเดือนรายได้ของพวกเขา ประชาชนคือผู้ทรงอำนาจสูงสุดของประเทศนี้ ประชาธิปไตยแปลว่าอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน ได้เวลาประชาชนทวงคืนอำนาจสูงสุดกลับมาอีกครั้ง ได้เวลายุติระบอบเผด็จการคณาธิปไตยครองเมือง"
จบท้ายจึงกลายเป็นที่มาของกิจกรรมการเมือง โดย กลุ่มเยาวชนปลดแอก - Free YOUTH ซึ่งชัดเจนแล้วว่าไปไกลกว่า การเรียกร้องให้รัฐบาลรับผิดชอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจังหวัดระยอง ด้วยเหตุผลข้อเรียกร้อง 3 ข้อ เหมือนกับกลุ่มการเมืองอย่าง คณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกล คือ 1. ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ประกาศยุบสภา โดยให้เหตุผลว่ารัฐบาล "ล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจ" หลังเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อีกทั้งยังปล่อยให้ "วีไอพี" ที่มีเชื้อไวรัสเข้ามาในประเทศโดยไม่ได้กักตัว สุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดครั้งใหญ่รอบ 2
2. ให้ "หยุดคุกคามประชาชน" ทั้งทางกายภาพและทางจิตวิทยา โดยอ้างความมั่นคงเพื่อปิดปากประชาชนที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยและความยุติธรรม
3. ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 เพื่อเปิดทางให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นประชาธิปไตย
ประการสำคัญ กลุ่มเยาวชนปลดแอก - Free YOUTH ถึงขั้นประกาศพร้อมจะยกระดับการชุมนุม หากไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงตามข้อเรียกร้อง โดยมีสิ่งที่ต้องจับตาพฤติการณ์ภาพรวม จากสื่อข้อความเชิงสัญญลักษณ์ผ่านเวทีการชุมนุม
โดยเฉพาะอากัปกริยา ตามที่นายอานนท์ นำภา โพสต์ไว้ว่า "ถ้าป้ายหมดความศรัทธา มาปรากฎที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อไหร่ ก็น่าจะนับได้ว่าเป็นการเริ่มอย่างเป็นทางการ"
และสิ่งที่ กลุ่มเยาวชนปลดแอก - Free YOUTH โดยเฉพาะกับ 2 เยาวชนจากระยอง ที่เปลี่ยนสถานะมาเลือกใช้คำปลุกระดมทางการเมือง โดยนัยไม่ต่างกับการปลุกเร้าผู้คนให้ลุกฮือขับไล่รัฐบาล
ทั้งหมดของสถานการณ์การเมืองนับจากวันนี้ จึงถือเป็นอีกหนึ่งประเด็นร้อนซึ่งฝ่ายความมั่นคงต้องเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิด ด้วยรูปแบบวิธีการปลุกระดมผู้คน ไม่ต่างจากเหตุความวุ่นวายในฮ่องกง และเป้าหมายของขบวนการชังเจ้า ที่ต้องการให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่งอย่างใดกับระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขสูงสุด