สมค่าหรือไม่ถามใจดู สภานักศึกษา มธ.มอบรางวัล อานนท์-ไมค์ เจ้าตัวเทียบชั้นวีรชน 6 ตุลา

ถึงแม้กิจกรรม  6 ตุลาคม  2519  ที่เวียนมาบรรจบครบรอบปีที่  44  ทางผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  จะไม่อนุญาตให้แกนนำกลุ่มแนวมร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม อย่าง นาย อานนท์ นำภา และ นายจารุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ ระยอง  ขึ้นเวทีอภิปราย  ด้วยความหวั่นเกรงในเนื้อหานำเสนอ จะเป็นการคุกคาม ล่วงละเมิด  สถาบันกษัตริย์  เหมือนอย่างที่เคยทำในการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 ส.ค. และ 19 ก.ย.2563  แต่ก็มีปรากฎการณ์ให้เกิดประเด็นวิพากษ์วิจารณ์

 

( คลิกอ่านข่าวประกอบ :   อดีตรองอธิการบดี มธ. เห็นด้วยธรรมศาสตร์ ห้ามแกนม็อบเพนกวิน ใช้เวที 6 ตุลาเคลื่อนไหว..รู้จะพูดอะไร? )  

เนื่องจากปรากฎว่าการจัดงานดังกล่าว     โดย  นางสาวลัลนา  สุริโย  ประธานสภานักศึกษาฯ  ได้มีการมอบเกียรติบัตรมอบรางวัล จารุพงษ์ ทองสินธุ์  เพื่อประชาธิปไตย  ให้แก่ทั้ง  นายอานนท์  และ  ภาณุพงศ์   ในฐานะผู้ที่มีความกล้าหาญในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย   หลังจากปี 2562  ที่ผ่านมา  มีการมอบให้กับ  นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว อดีตนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์  

 

ทั้งนี้ก่อนหน้า  สภานักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์   ถูกจับตามองว่ามีการเคลื่อนไหวทางการเมือง  ไปในทิศทางเดียวกับกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม  มาโดยตลอด   อาทิ  การออกจดหมายเปิดผนึกถึงผู้บริหารของมหาวิทยาลัยธรรมศาสต์   เรียกร้องขอให้ผู้บริหารรับผิดชอบต่ออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในการชุมนุมวันที่ 19 กันยา ทวงอำนาจคืนราษฎร ที่จัดขึ้นบริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์)

 

โดยอ้างว่า การชุมนุมที่เกิดขึ้นไม่ได้รับการช่วยเหลือจากผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เท่าที่ควร เและมีการปิดประตูจนทำให้นักศึกษาและผู้ชุมนุมต้องพยายามเปิดประตูด้วยตัวเอง จนทำให้นายสิทธิ์ทัศน์ จินดารัตน์ หนึ่งในการ์ดของผู้ชุมนุม  ได้รับบาดเจ็บนิ้วก้อยซ้ายถูกซี่ประตูรั้วบีบจนกระดูกร้าวและฉีกขาด

 

 

ขณะเดียวกัน   ในเพจเฟซบุ๊ก  "ซึ่งต้องพิสูจน์"    ได้มีการนำเสนอประเด็นดังกล่าวเพิ่มเติม   ว่า     "ลัลนา สุริโย"    ประธานสภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์   หรือ  ผู้จัดการเรื่องการมอบรางวัลให้กับ นายอานนท์  และ  ภาณุพงศ์   คือ  หนึ่งในผู้ที่ถูกออกหมายเรียกจากเป็นแกนนำจัดการชุมนุม  18 ก.ค. 2563   ในชื่อ "กลุ่มเยาวชนปลดแอก – FreeYouth และกลุ่มสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.)  ที่   ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย   

 

 

ร่วมกับผู้ต้องหารายอื่น ๆ  ประกอบด้วย   จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน  ,  ณวรรษ เลี้ยงวัฒนา, กานต์นิธิ ลิ้มเจริญ, จักรธร ดาวแย้ม, จิรฐิตา ธรรมรักษ์, ณัฐพงษ์ ภูแก้ว, สิรินทร์ มุ่งเจริญ, ธนชัย เอื้อชา, พิมพ์สิริ เพชรน้ำรอบ, ยามารุดดิน ทรงศิริ, ชลธิศ โชติสวัสดิ์ หรือ เอฟ, ปรัชญา สุรกําจรโรจน์ ตัวแทนกลุ่ม Rap Against Dictatorship, ทักษกร มุสิกรักษ์ และกฤษณะ ไก่แก้ว

ทั้งนี้กิจกรรมในวันดังกล่าว  (18 ก.ค. 2563) ได้มีการเปิดพื้นที่ให้  นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์  ระยอง  ขึ้นปราศรัยโจมตีรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา  พร้อมแสดงข้อเรียกร้อง 3 ข้อ  ประกอบด้วย 1.ยุบสภา 2.ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และ 3.หยุดคุกคามประชาชน โดยการใช้กฎหมายและข้ออ้างความมั่นคงปิดปากประชาชน

 

ประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณาประกอบ  ก็คือ  "จารุพงษ์ ทองสินธุ์"   เป็นอดีตอุปนายก องค์การนักศึกษาธรรมศาสตร์    ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์วันที่   6 ตุลาคม 2519   โดย   ผศ.ดร.กิตติศักดิ์ ปรกติ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์  ได้เคยโพสต์บันทึกประวัติศาสตร์ บางช่วงตอนไว้ว่า  "เวลาเช้ามืดของวันที่ 6 ตุลาคม 2519 ผมนอนหลับอยู่บนโต๊ะทำงานในที่ทำการสภานักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จารุพงษ์ ทองสินธุ์ อุปนายกองค์การนักศึกษาธรรมศาสตร์ในเวลานั้น มาปลุกผมให้ตื่นขึ้นแล้วบอกว่า “ตำรวจและลูกเสือชาวบ้านใช้ปืนยิงเข้ามาในธรรมศาสตร์จากด้านหอประชุมใหญ่ กำลังจะเข้ามาที่ อมธ.” 

 

จากนั้นเขาก็ประคองผมซึ่งอิดโรย   เพราะร่วมอดอาหารประท้วงการกลับมาของจอมพลถนอม   ร่วมกับคณะญาติวีรชน 14 ตุลา มาหลายวัน ไปส่งที่ตึกคณะวารสารศาสตร์ จากนั้นจารุพงษ์ก็บอกว่าจะไปช่วยพยุงผู้บาดเจ็บ   ที่ยังหลงเหลืออยู่ด้านคณะนิติศาสตร์ แล้วจะกลับมาสมทบ   นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่จารุพงษ์กับผมได้พบกัน  ......

เหตุการณ์ที่เกิดหลังจากนั้นยังมีอีกมาก  ทั้งถูกทำร้าย  ถูกใส่ความ กล่าวหาต่าง ๆ นานา ที่ทำให้ผมเกือบเอาชีวิตไม่รอด เดชะบุญที่ผมหลุดรอดจากการประทุษร้ายและวิบากกรรมนั้นมา เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมตั้งใจว่า จะยึดมั่นในคำสอนที่ว่า คนเราแม้จะเห็นต่างกัน   ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหลักการใหญ่โตประการใด ก็ควรจะต้องพยายามหาทางอยู่ร่วมกันอย่างสันติให้ได้ แก้ไขหรือลดทอนความขัดแย้งนั้นด้วยเหตุผล บนพื้นฐานของความจริง ด้วยความใจกว้าง ไม่ปล่อยให้ทิฐิ ความแค้น หรือความอาฆาต ชักนำไปสู่การประทุษร้ายประหัตประหารกัน"

จุดที่ต้องพิจารณาประกอบ  พร้อมตั้งเป็นข้อคำถามเพื่อให้สังคมไทยร่วมกันพิจารณา  ว่า   สถานการณ์การปลุกระดมมวลชนของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม  ณ  สถานการณ์ปัจจุบัน  กับการที่สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์   เลือกมอบรางวัล  "จารุพงษ์ ทองสินธุ์  เพื่อประชาธิปไตย"  ในโอกาสครบรอบ 44 ปี 6 ตุลาคม 2519   ให้กับ  2 แกนนำม็อบอย่าง  อานนท์ นำภา และ ภาณพงศ์  จาดนอก  ที่มีเป้าหมายชัดเจน  สอดรับกับกลุ่มการเมืองที่มีหลักคิดเรื่องชาตินิยมตะวันตก และลัทธิการปกครองแบบสาธารณรัฐ   ผ่านข้อเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสถาบันเบื้องสูง   มากกว่าการเรียกร้องประชาธิปไตย  ปกติธรรมดานั้น   เป็นเรื่องเหมาะสมหรือไม่ .. ด้วยรู้ว่าการโหมปลุกระดมเพื่อเป้าหมายดังกล่าว อาจนำไปสู่การนองเลือดของคนไทยกันเองอีกครั้ง  ??? 

 

 

ขณะที่  นายอานนท์ กล่าวถึงความรู้สึกหลังรับรางวัลว่า เหตุการณ์ 6 ตุลาฯ 2519  เราปิดปากเงียบมา 44 ปี  แต่เป็นเรื่องบังเอิญที่ในปีนี้มีคนรุ่นใหม่ออกมาพูดถึงปัญหาแบบเดียวกันในที่สาธารณะอย่างตรงไปตรงมา เหมือนเหตุการณ์ 6 ตุลา  ที่สำคัญแววตานักสู้คนเหล่านั้น  มาปรากฏในแววตาคนรุ่นใหม่ ทั้งเพนกวิน ไมค์ รุ้ง ทัตเทพ และอีกหลายๆ คน ดังนั้นพวกเขาไม่ได้จากไป แต่กลับมาเกิดในร่างคนรุ่นใหม่  เพื่อที่จะมายืนยันทวงถามความยุติธรรมให้กับพวกเขา

 

“ประวัติศาสตร์ในครั้งนั้นจะไม่มีวันซ้ำรอย วันนี้วิญญาณของวีรชนที่เสียชีวิตได้จุติและมากำเนิดใหม่ในร่างกายของคนรุ่นใหม่แล้ว ในฐานะที่ได้รับรางวัลในวันนี้ขอยืนยันว่าคนรุ่นใหม่ที่ตื่นขึ้นมาต่อสู้ในประเด็นที่แหลมคมและหลายคนไม่อยากพูดถึง พวกเราจะต่อสู้ให้ถึงที่สุดเพื่อนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงในสังคมเพื่อตอบคำถามดวงวิญญาณผู้เสียชีวิตว่าการสูญเสียของท่านจะไม่สูญเปล่า และการต่อสู้ของท่านจะจบในรุ่นเรา”