- 24 ก.ย. 2563
"แอนนี่ บรู๊ค" เปิดใจเล่าวันที่ย้ายลูกชาย จากอินเตอร์สู่สามัญ ลั่น เลี้ยงลูกมีคุณภาพ ไม่จำเป็นต้องเรียน ร.ร.แพง
เป็นอีกหนึ่งคุณแม่สายสตรองของวงการบันเทิง อย่าง "แอนนี่ บรู๊ค" ที่ทำงานเลี้ยงดู "น้องฑีฆายุ" ด้วยตัวคนเดียวมาโดยตลอด ด้วยการทำงานต่างๆทั้งในวงการและนอกวงการ โดยก่อนหน้านี้แอนนี่เคยไปทำงานต่างประเทศ เพื่อหาเงินส่งให้ลูกชายเรียนโรงเรียนอินเตอร์ แต่ด้วยใช้จ่ายต่างๆทีมีมากขึ้น ประกอบกับลูกชายอยากอยู่กับแม่ เธอจึงยอมกลับมาหางานในประเทศไทยและลดค่าใช้จ่ายลง และให้ลูกชายอยู่โรงเรียนสามัญ
และด้วยกระแสดราม่าที่กำลังพูดถึงคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวอยู่ในตอนนี้ สาวแอนนี่ ได้นำประสบการณ์การเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวของตัวเองที่เคยแชร์ไว้เมื่อ 1 ส.ค. 63 ที่ผ่านมา นำกลับมาแชร์ผ่านทางเฟซบุ๊ก "แอนนี่ ฑีฆายุ" อีกครั้ง โดยข้อความระบุว่า "แบ่งประสบการณ์จากอินเตอร์สู่สามัญด้วยพิษเศรษฐกิจที่ทุกวงการ ทุกอาชีพระส่ำระสาย หาเงินฝืดเคืองเรียกว่าหืดขึ้นคอกันเลยทีเดียว แต่สำหรับแอน แอนว่าตัวเองเป็นคนไม่อยู่เฉยและมองหาช่องทางทำมาหากินอยู่ตลอดเวลา ถึงช่วงที่หาเงินยากก็จะพยายาม หาให้ได้เพื่อลูก"
"ตอนเล็กนั้นฑีเรียนอนุบาล เทอมนึง ก็หลายอยู่ เพราะโรงเรียนใกล้บ้านที่บางนา ของผู้ใหญ่ที่ช่วยดูแลน้องเวลาที่แอนทำงาน ค่าเทอมถือว่าอยู่ในระดับกลางถึงแพง แต่ด้วยวัยตอนนั้นแค่ 33 ยังไหวต่องานหนัก จึงไม่มีปัญหา.....วันคืนผ่านไป เด็กชายขึ้น ป.1 ด้วยความที่เห็นลูกเก่งภาษาและตัวน้องขอเรียนโรงเรียนที่มีฝรั่ง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ออกจากปากน้องจริงๆ.....เราจึงเดินทางต่างประเทศอีกครั้งเพื่อหาเงินทุนในการเรียน ใช้เงิน หลายแสนในการเริ่มต้นและยังมีค่าเทอมต่อๆมาทุกเทอม แต่น้องใฝ่เรียนและคะแนนเต็มเกือบทุกวิชาจึงยอมให้น้องเรียน...อันว่าโรงเรียนอินเตอร์นั้นดี ตรงที่เด็กอิสระ เรียนๆเล่นๆ มีทุกอย่างในการเรียนต่อสัปดาห์ พ่อแม่แทบไม่ต้องหาเรียนพิเศษ ไม่ต้องเจอสอบ โอเนทเอเนทอะไรมากมาย หรือสอบเข้าโรงเรียนให้เครียด จะเข้าก็เข้าเลย จ่ายตังค์ จบ"
"เด็กก็คุยกันภาษาอังกฤษซะส่วนมาก (ได้ความอินเตอร์ไปเต็มๆ) ซึ่งเป็นส่วนแข็งของโรงเรียนอินเตอร์ แต่ อย่าลืม สังคมแบบนี้ย่อมแลกมาด้วยกิจกรรมที่แสนแพง เทศกาล ไทย+เทศแต่ละปี อย่างเยอะบางทีหาเสื้อผ้ากันแทบไม่ทัน น้อยหน้ากันก็ไม่ได้ เป็นการสร้างค่านิยมหัวสูงให้ลูกโดยเราไม่รู้ตัว พอ ป.2 ผ่านไป ค่าใช้จ่ายมีแต่เพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้น..ประกอบกับ น้องเริ่มโตและเริ่มอยากอยู่ใกล้แม่มากยิ่งขึ้น.........นั่งมองเงินในบัญชี กับ พิจารณาค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน แต่ละปีผ่านไปทุกเหตุผลบวกกัน จนเราต้องทิ้งงานทิ้งเงินที่ว่าหาได้ง่าย (#ถึงหาง่ายแต่ถ้ายังต้องจ่ายค่าเทอมและชีวิตที่แสนแพงก็ไม่เหลืออยู่ดี) เพื่อลดอัตราชีวิตลง แต่ได้อยู่ใกล้ชิดและดูแลลูกมากขึ้น"
"ตอนนี้ก็ไม่ได้มีหรือร่ำรวยและยังคงหางานทำอยู่ตลอดแต่มุมมองก็เปลี่ยนไปคือต้องหางานที่เราดูแลลูกได้และเซฟค่าใช้จ่ายทุกอย่างลงด้วยในจุดนี้จึงมองหาโรงเรียนใหม่ซึ่งไม่ง่ายเลย ใครเป็นพ่อแม่ย่อมรู้ดีและเปลี่ยนจากอินเตอร์มาธรรมดามันต้องเข้ากลางเทอม! ต้องหาโรงเรียนที่มีการเรียนการสอนที่รองรับเด็กเข้ากลางเทอมแบบนี้โชคดีที่ไถ่ถามเพื่อนๆ พี่ๆ ได้ข่าวจึงลองไปดูเห็นชอบเลยให้เรียนเลย ตอนแรกกลัวมาก เพราะน้องไม่เอาเลยนั่นก็ไม่ดี นี่ก็ไม่เอาแต่สุดท้ายเราให้เหตุผลที่ดี บอกความจริงถึงสถานการณ์ในชีวิต ทุกอย่าง พอไปหลายวันเข้าและปรับชีวิตกันอยู่พักหนึ่งเรื่องดีๆ ในการเข้าเรียนก็ตามมา"
"ที่สำคัญ ค่าเทอมไม่แพงมากกิจกรรมไม่เยอะมาก ไม่ต้องเสียเงินโดยใช่เหตุ และความเฮี้ยบของครูไทยดีกว่าอินเตอร์ตรงที่ อัตราการแกล้งกันแรงๆมีน้อย น้องเคยเล่าว่าอยู่โรงเรียนเก่าโดยจับกดน้ำในสระว่ายน้ำ ,โดนมัดอยู่ในถุงดำแทบหายใจไม่ออก, โดนดินสอแทงเลือดอาบกลับบ้านทุกวันนี้ไส้ดินสอยังปักคาหลังอยู่เลย เพราะความอินเตอร์มันอิสระมากเกิน(บางที่) แต่ที่นี่ไม่มีเรื่องแบบนี้กวนใจ (มีนิดหน่อยตามประสาเด็กๆ แต่ไม่รุนแรงมาก) อาหารกลางวันมีให้ทาน ไม่เสียเงินทุกวันนี้ มีความสุขตามอัตราที่มีที่เป็นอยู่ มีบ้างที่หนักๆ จนท้อแต่ก็ไม่ถอย มีตัวเองและลูกเป็นกำลังใจมาตลอดและส่วนตัวเอง ตัดขาด สิ่งฟุ่มเฟือยทั้งหมด ไม่เที่ยวไม่ซื้อเสื้อผ้าเครื่องสำอางค์ และยังคอยมองหาช่องทางในการทำมาหากินและคอยไถ่ถามไอเดียใหม่ๆ จากคนรอบข้างอยู่เสมอ"
"บางที การลด การไต่ระดับลง ลดอัตราลง เราอาจจะพบกับความสุขมากกว่าเดิมก็เป็นได้ สิ่งที่ต้องทำคือ "หยุด" ทบทวน.อะไรบ้างที่มันเกินไปกับชีวิตก็ให้ลดลงอะไรที่ขาดหายก็ให้เติมแล้วชีวิต ...#ไม่ต้องดีพอสำหรับใครหรอก แต่พอดีกับตัวเองให้มีชีวิตต่อไปได้ก็พอ ทุกอย่างแก้ได้ ยังไม่สายเกินไป คุณภาพของชีวิต เริ่มต้นที่ความคิดของเราเอง"
ขอบคุณ FB : แอนนี่ ฑีฆายุ