ปธน.ทรัมป์แถลงล่าสุด อ้างอยากเห็นสันติภาพโลก เปลี่ยนท่าทีไม่ใช้กำลังทหารตอบโต้อิหร่าน

สืบเนื่องจากกรณีที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ออกแถลงข่าว ยืนยันว่า จากที่อิหร่านเปิดฉากล้างแค้น ยิงขีปนาวุธอย่างน้อย 15 ลูก ถล่มฐานทัพสหรัฐฯในอิรัก ซึ่งเป็นที่ตั้งฐานทัพอากาศขนาดใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ไม่มีทหารเสียชีวิตแต่อย่างใด และฐานทัพได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย พร้อมทั้งประกาศคว่ำบาตรเพื่อเป็นการลงโทษ

โดย โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ตัดสินใจว่าจะไม่ตอบโต้ด้วยมาตรการทางทหาร พร้อมกล่าวว่า “เรามีกำลังทหารและยุทโธปกรณ์ที่ยิ่งใหญ่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องใช้มัน”

 

ทั้งนี้ทางอิหร่านได้มีการขู่โจมตีระลอกใหม่ ที่เมืองไฮฟาในอิสารเอล และนครดูไบ ซึ่งเป็นพันธมิตรแนบแน่นของสหรัฐฯ เพื่อแก้แค้นให้กับ นายพลกาเซ็ม โซเลมานี อีกด้วย

 

อ่านข่าว - เพจดังเปิดโฉมขีปนาวุธนำวิถี อิหร่านผลิตใช้ถล่มฐานทัพมะกัน อานุภาพยิงไกล 300 กม.

 

ขณะที่เฟซบุ๊ก Pat Hemasuk ได้ออกมาโพสต์เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า "สรุปเนื้อหาของทรัมป์ เริ่มต้นเลยทรัมป์บอกว่าตั้งแต่เขาขึ้นมาเป็น ปธน.ไม่อนุญาตให้อิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์ ไม่มีทหารอเมริกันบาดเจ็บและความเสียหายมีเล็กน้อยจากการโจมตีของอิหร่านเมื่อคืนที่ผ่านมา โลกต้องอดทนกับอิหร่านในการสนับสนุนการก่อการร้ายและครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ ข่มขู่ประชาคมโลกที่เจริญแล้วอย่างไม่เคยมีมาก่อน และเราจะไม่ให้สิ่งนี้เกิดขึ้น

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเราได้หยุดยั้งผู้ก่อการร้ายตัวสำคัญ กาเซ็ม โซเลมานี ที่เป็นผู้บัญชาการ เขาต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เลวร้ายที่ได้ทำ เขาฝึกกองกำลังก่อการร้ายฮิสบอเราะห์ ที่ทำให้เกิดการนองเลือดไปทั่วทั้งภูมิภาค เขาสังหารทหารสหรัฐและทำให้บาดเจ็บหลายพันนาย วางกับระเบิดสังหารตามถนน เมื่อไม่นานมานี้เขาทำให้ทหารบาดเจ็บสี่และฆ่าอเมริกันไปหนึ่งคน และมีส่วนร่วมในการบุกสถานทูตในแบกแดด เขาวางแผนจะโจมตีสหรัฐฯอีก เราได้หยุดยั้งเขา มือของเขาเปื้อนเลือดของอเมริกันและชาวอิหร่าน ดังนั้นเขาจึงต้องควรถูกกำจัดมานานแล้ว เป็นการส่งข่าวไปยังผู้ก่อการร้ายว่าถ้าชีวิตพวกคุณมีค่าก็ไม่ควรคุกคามประชาชนของเรา

เราได้พิจารณาการตอบโต้อิหร่าน สหรัฐฯจะแซงชั่นอย่างรุนแรงและจะทำต่อไปจนกว่าอิหร่านจะเปลี่ยนนิสัย เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมาอิหร่านได้ยึดเรือในน่านน้ำสากล ยิงถล่มซาอุดิอาระเบีย และยิงโดรนของสหรัฐฯ อิหร่านคุกคามเพิ่มขึ้นหลังจากที่มีการลงนามในข้อตกลงนิวเคลียร์แบบโง่ๆ เราให้เงินไป 1.5 พันล้านเหรียญ เราให้เงินสดไป 1.8 พันล้านเหรียญ แทนที่จะกล่าวขอบคุณสหรัฐฯกลับบอกว่าไปตายเสียมาให้แทนในวันที่ลงนามในข้อตกลง อิหร่านใช้เงินนั้นสร้างนรกในเยเมน ซีเรีย เลบานอน อัฟกานิสสถาน และอิรัก รวมถึงขีปนาวุธที่ยิงใส่สหรัฐฯและพันธมิตรของเราก็มาจากเงินที่เราให้ไป รวมถึงการฆ่าชาวอิหร่านที่ออกมาต่อต้าน 1,500 คน ข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ไม่สมบูรณ์ต้องถูกยกเลิก นั่นคือสิ่งที่จะทำให้อิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์สะดวกขึ้น อิหร่านต้องหยุดสนับสนุนการก่อการร้ายและมีอาวุธนิวเคลียร์

ถึงเวลาแล้วที่ อังกฤษ เยอรมัน รัสเซีย และจีน จะได้ทราบถึงข้อเท็จจริง และถอนตัวออกมาจากข้อตกลงนิวเคลียร์ของอิหร่าน และทำให้โลกปลอดภัยมีสันติภาพ เราต้องสร้างข้อตกลงให้อิหร่านเจริญรุ่งเรืองจากศักยภาพที่ยังไม่ได้ใช้ของอิหร่าน อิหร่านจะเป็นประเทศที่สันติสุขและมั่นคง แต่จะไม่เกิดขึ้น ถ้าอิหร่านยังทำตัวขัดแย้งและสงคราม เราจะไม่อดทนต่อการฆ่าและทำร้ายอีกแล้ว

วันนี้ข้าพเจ้าอยากจะขอให้กลุ่มนาโต้ให้เข้ามามีส่วนร่วมในตะวันออกกลาง มากกว่าสามปีที่ผ่านมารัฐบาลภายใต้การนำของข้าพเจ้า สหรัฐฯมีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งที่ไม่เคยมีมาก่อน นโยบายพลังงานที่เป็นอิสระ นั่นคือการสร้างยุทธศาสตร์ที่ไม่มีใครคาดว่าจะเป็นจริงได้ เราคือผู้ผลิตน้ำมันและแก๊สอันดับหนึ่งของโลก เราไม่ต้องการน้ำมันจากตะวันออกกลางอีกแล้ว

รัฐบาลภายใต้การนำของข้าพเจ้าได้สร้างกองทัพที่เข้มแข็งอย่างไม่เคยมีมาก่อนขึ้นมาใหม่ด้วยเงิน 2.5 ล้านล้านเหรียญ ขีปนาวุธของเราใหญ่และทรงพลัง เที่ยงตรง ทรงอานุภาพในการทำลายล้าง รวดเร็ว อาวุธไฮเปอร์โซนิกที่อยู่ในขั้นตอนการสร้างอีกจำนวนมาก เราไม่ได้หมายความว่าเราต้องการที่จะใช้มัน เรามีความแข็งแกร่งทั้งด้านทหารและเศรษฐกิจนั่นถือว่าเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด

สามเดือนก่อนไอซิสถูกทำลายไป 100% ในดินแดนมุสลิม เราได้สังหารหัวหน้าที่เหี้ยมโหด อัล-บักดาดี ที่ต้องรับผิดชอบการตายมากมาย รวมถึงการประหารด้วยการตัดศีรษะหมู่ ทั้งคริสเตียนและมุสลิม และทุกคนที่ขวางทางเขา อัล-บักดาดี ต้องการจะสร้างอาณาจักรมุสลิม (Caliphate) ของไอซิสและต้องล้มเหลวไป ไอซิสนับหมื่นคนถูกฆ่าหรือจับกุมในช่วงเวลารัฐบาลของข้าพเจ้า ไอซิสคือศัตรูของอิหร่าน เป็นสิ่งที่ดีต่ออิหร่าน เราควรต้องทำงานร่วมมือกันรวมถึงเรื่องอื่นอีกด้วย

สุดท้ายนี้ประชาชนชาวอิหร่านและผู้นำ เราต้องการให้พวกคุณมีอนาคตที่ดีเจริญรุ่งเรืองร่วมกับชาติต่างๆ ในโลก สหรัฐฯพร้อมที่จะร่วมในสันติภาพกับทุกคนที่มองหาสันติ ขอบคุณ และขอให้พระเจ้าอวยพรอเมริกา"

ทั้งนี้ ท่าทีของประธานาธิบดีทรัมป์ เกิดขึ้นภายหลัง อยาโตลเลาะฮ์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน แถลงการณ์ผ่านทางโทรทัศน์ ว่า  เราสามารถตอบโต้อเมริกันแล้วด้วยการโจมตีด้วยขีปนาวุธ แต่ปฏิบัติการทางทหารเท่านี้ยังไม่พอ ประเด็นสำคัญคือการประจำอยู่ในภูมิภาคของสหรัฐที่ควรยุติได้แล้ว เพราะเป็นสาเหตุของสงคราม ความแตกแยกและการทำลายล้าง

 

อย่างไรก็ตาม ทาง ทรัมป์ยังได้กล่าวอีกว่า ถ้าดูกันจริง ๆ แล้วอิหร่านไม่ได้มีท่าทีอยากจะรบ ขณะที่สหรัฐฯเองก็ต้องการสันติภาพ

 

ด้าน นักวิเคราะห์มอง ทรัมป์ สบโอกาสที่จะหลีกเลี่ยงความขัดแย้งรุนแรง โดยการยิงขีปนาวุธของอิหร่านเหมือนเป็นบันไดให้ทรัมป์ ก้าวลงมาจากหลังเสือ และการยิงขีปนาวุธของอิหร่านเป็นการเลือกทำขณะที่สหรัฐฯสามารถรับมือได้ และไม่มีการสูญเสียเกิดขึ้น มองว่าอิหร่านไม่ได้ต้องการที่จะทำสงครามอย่างแท้จริง ส่วนจากคำแถลงของทรัมป์ มองได้ว่าพยายามเปิดทางให้ 2 ประเทศ เข้าสู่กระบวนการทางการทูต

 

นอกจากนี้มีคนไทยในอิรัก เล่าเหตุการณ์ว่า อาศัยอยู่ในเมืองที่อิหร่านยิงขีปนาวุธโจมตี แต่ดูเหมือนอิหร่านจะโจมตีพลาดเป้า ไม่ได้ทำอันตรายใคร โดยชาวบ้านในพื้นที่ตื่นตัว กังวล และทหารตรวจการณ์เข้มข้มมากขึ้น 

 

ขณะเดียวกัน โฆษกองค์การสหประชาชาติ (UN) แถลงว่า อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการยูเอ็น รู้สึกยินดีที่สหรัฐอเมริกาและอิหร่านถอยหลังจากการเผชิญหน้ากันครั้งใหญ่ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แถลงว่าอิหร่านมีท่าที่ผ่อนคลายลง

 

ถ้อยแถลงของเลขธิการยูเอ็นมีขึ้นหลังสถานการณ์ในตะวันออกกลางร้อนระอุหนัก เมื่ออิหร่านยิงขีปนาวุธถล่มฐานทัพสหรัฐฯ 2 แห่งในอิรัก เพื่อตอบโต้ที่สหรัฐฯ ปลิดชีพ พล.ต.คาเซม โซเลมานี อดีตผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ของอิหร่าน ท่ามกลางความวิตกของนานาชาติว่าสถานการณ์จะบานปลายกลายเป็นสงคราม

 

นอกจากนี้ เลขาธิการยูเอ็นยังระบุในแถลงการณ์ว่า ยูเอ็นจะพยายามทุกทางเพื่อไม่ให้เกิดสงครามในอ่าวเปอร์เซีย

 

ทั้งนี้ระหว่างแถลงเรื่องอิหร่าน ผู้นำสหรัฐฯ ได้กล่าวโทษอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่ทำข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่านจนกลายเป็นปัญหาในขณะนี้ โดยข้อตกลงดังกล่าวทำให้อิหร่านมีเงินทุนสนับสนุนการก่อการร้ายทั้งในเยเมน ซีเรีย เลบานอน อัฟกานิสถานและอิรัก

 

ด้านนักวิเคราะห์มองว่า อิหร่านไม่ต้องการเผชิญหน้ากับสหรัฐฯ โดยตรง แต่จะใช้การโจมตีในลักษณะนี้ตอบโต้สหรัฐฯ ก่อนจะเปลี่ยนไปใช้ยุทธวิธีอื่นเพื่อขับสหรัฐฯ ออกจากอิรัก