สาวนศ. ยอมพักการเรียน ดูแลแม่อัมพาตนาน 4 ปี จู่ๆ เจอแม่ตื่นแต่งตัวกลางดึก

สาวนศ. ยอมพักการเรียน ดูแลแม่อัมพาตนาน 4 ปี จู่ๆ เจอแม่ตื่นแต่งตัวกลางดึก กลายเป็นกระแสไวรัลในโลกออนไลน์ที่กำลังถกเถียงกันถึงประเด็น เมื่อมีรายงานเกี่ยวกับ หญิงวัย 58 ปีจากมณฑลอันฮุย ในประเทศจีนตกอยู่ในสภาวะโคม่าอย่างรุนแรง เนื่องจากอาการป่วยและถูกส่งตัวไปยังห้องไอซียูเพื่อรับการช่วยเหลือ ซึ่งแพทย์สามารถช่วยชีวิตเธอไว้ได้ แต่เธอกลับมีสภาพร่างกายไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป 

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

ตามรายงานระบุว่า เธอมีอาการอัมพาตไม่สามารถขยับตัวได้เลยและเกิดโรคความผิดปกติทางระบบประสาทกับเธออายุ 1 ขวบเท่านั้นจนเป็นเหตุให้ลูกสาวที่กำลังเรียนมหาวิทยาลัยต้องพักการเรียนเพื่อมาดูแลแม่

 

โดย ลูกสาวของเธอเข้ารับการศึกษาในสถาบันวิศวกรรมซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยอันฮุยในปี 2560 ทว่าแม่ของเธอที่ทำงานในร้านอาหารจู่ๆ เกิดอาการเอ็นอักเสบจากการบาดเจ็บจากการทำงานและมีอาการโคม่าอย่างหนักหลังจากตื่นนอน จากนั้นเธอกลายเป็นคนพิการที่มีสติปัญญาเพียง 1 ขวบ ดูแลตัวเองไม่ได้และเป็นอัมพาต

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

แต่ลูกสาวก็ยังมีความหวังว่าแม่ของเธอจะหายดีกลับมาเป็นปกติ แต่ต้องใจสลาย เมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าโอกาสที่แม่ของเธอจะหายนั้นมีน้อยและการฟื้นตัวก็ไม่ได้ผล เธอจึงต้องยอมรับความจริง ก่อนที่จะตัดสินใจ พักการเรียนเพื่อดูแลแม่เต็มเวลา แม้ว่าเธอจะเป็นหนี้หลายแสนหยวนเพื่อรักษาแม่และขัดขวางการเรียนในบัณฑิตวิทยาลัยที่เธอกำลังศึกษาเล่าเรียน เธอก็ไม่ปริปากบ่นสักคำ

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

ทั้งนี้ เรื่องราวของครอบครัวของเธอนั้นไม่ค่อยเหมือนคนทั่วไปเท่าใดนัก เพราะพ่อแม่หย่าร้างกันตั้งแต่เด็ก พี่ชายและเธอถูกเลี้ยงดูโดยแม่ตามลำพัง เธอจึงไม่ยอมทิ้งแม่ กัดฟันทำงานกับพี่ชาย ชดใช้ทุน โดยไม่คาดคิด หลังจากทำงานอย่างหนักมา 4 ปีเพื่อดูแลแม่ แต่แล้วเธอและผู้ดูแลก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นแม่ที่เป็นอัมพาตลุกขึ้นนั่งและสวมเสื้อผ้าอย่างเรียบร้อยกลางดึก

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อวิดีโอสุดกตัญญูดังกล่าวเปิดเผยในโลกออนไลน์ ชาวเน็ตหลายคนสงสัยว่า แม่ของเธอมีอาการป่วยจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงเพราะต้องการแกล้งนอนป่วยเฉยๆ และให้ลูกๆ ดูแล แต่ หญิงสาวก็ออกมายืนยันว่าแม่ของเธอ กลับมาเป็นอัมพาต ในวันรุ่งขึ้นหลังจากลุกขึ้นมาแต่งตัวกลางดึก

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline