- 21 ธ.ค. 2565
อาฟเตอร์ช็อคมากกว่า 80 ครั้ง แผ่นดินไหวเขย่าโลก ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย บาดเจ็บอื้อ ชาวบ้านไม่มีไฟฟ้าใช้
อาฟเตอร์ช็อคมากกว่า 80 ครั้ง แผ่นดินไหวเขย่าโลก มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย จากรายงานการเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.4 แมกนิจูดที่เกิดขึ้นนอกชายฝั่งทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนียกลางดึกในสหรัฐฯ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย ผู้บาดเจ็บ 12 ราย และสร้างความเสียหายอย่างหนักแก่บ้านเรือน และถนน รวมทั้งหลายหมื่นครัวเรือนและธุรกิจไม่มีไฟฟ้าใช้
โดย นายอำเภอฮัมโบลต์ เคาน์ตี รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 รายจาก "เหตุฉุกเฉินทางการแพทย์" ที่เกิดระหว่างหรือหลังแผ่นดินไหว ที่เกิดขึ้นนอกชายฝั่งทางเหนือของเมืองซานฟรานซิสโกห่างออกไป 350 กม. เมื่อเวลา 2.34 น. ของวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น และมีผู้บาดเจ็บอีกอย่างน้อย 12 คน
ขณะที่มีรายงานว่า เกิดอาฟเตอร์ช็อคตามมากว่า 80 ครั้งแล้ว และครั้งรุนแรงที่สุดวัดแรงสั่นสะเทือนได้ 4.6 แมกนิจูด สร้างความเสียหายแก่บ้านเรือน ถนนหลายสาย และสะพาน นอกจากนี้บ้านเรือนและธุรกิจกว่า 79,000 รายในเมืองเฟิร์นเดล และเขตฮัมโบลต์ไม่มีไฟฟ้าใช้ สะพานข้ามแม่น้ำอีลไปยังเมืองเฟิร์นเดลถูกปิด หลังเกิดรอยแตกขนาดใหญ่ 4 จุดบนสะพาน
และฐานรากของถนนตรงสะพานมีความเสี่ยงเลื่อนไถล รวมทั้งถนนอีก 4 สายในฮัมโบลต์ เคาน์ตี ต้องปิดสัญจรเนื่องจากได้รับความเสียหายเช่นกัน และถนนสายหนึ่งมีการทรุดตัวในจุดหนึ่งด้วย ซึ่งเมืองเฟิร์นเดล และเมืองใกล้เคียงได้แก่ ฟอร์ทูนา และริโอ เดลล์ ได้รับความเสียหายหนักที่สุด ซึ่งมีรายงานท่อประปาแตก และบ้านเรือนเกือบ 20 หลังต้องติดป้ายเตือนเพราะอยู่ในสภาพไม่มั่นคงพอที่จะอาศัยได้อย่างปลอดภัย
ตามรายงานระบุว่า จุดที่เกิดแผ่นดินไหวเป็นบริเวณที่มีแผ่นเปลือกโลกหลายแผ่นบรรจบกันใต้ทะเลห่างจากชายฝั่งเกือบ 3.2 กม. และในบริเวณดังกล่าวเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.0-7.0 แมกนิจูด รวมเกือบ 40 ครั้งในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา และแม้แผ่นดินไหวเกิดขึ้นบ่อยครั้งในรัฐแคลิฟอร์เนีย แต่แผ่นดินไหวขนาด 6.4 แมกนิจูดไม่ค่อยเกิดขึ้นนัก แต่มีความรุนแรงมากพอที่จะทำให้บางส่วนของอาคารบ้านเรือนพังถล่ม หรือ โครงสร้างบ้านเรือนเคลื่อนตัวออกจากฐานราก
อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ระบบเตือนภัยแผ่นดินไหวล่วงหน้าของรัฐแคลิฟอร์เนีย สามารถส่งข้อความแจ้งเตือนถึงโทรศัพท์เคลื่อนที่ของประชาชนเกือบ 3 ล้านคนในช่วงเสี้ยวเวลา 10 วินาที ก่อนจะเกิดแรงสั่นสะเทือนครั้งแรก
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline