หมอดูขโมยดวง ทำได้จริงหรือไม่ ฟังจากปากหมอดู

เคยสงสัยไหมว่าเรื่อง "หมอดูขโมยดวง" ที่เล่าขานกันมานั้นเป็นเรื่องจริงหรือแค่ความเชื่อ? ตามไปฟังความคิดเห็นของหมอดูหลายท่านเกี่ยวกับเรื่องนี้กัน

หมอดู เรื่องราวของการ "ขโมยดวง" กลายเป็นประเด็นร้อนในสังคม หลายคนเชื่อว่าเรื่องนี้มีอยู่จริง แต่หมอดูตัวจริงจะคิดเห็นอย่างไร? มาหาคำตอบไปพร้อมกัน 

 

หมอดูขโมยดวง ทำได้จริงหรือไม่ ฟังจากปากหมอดู

ทางทีมข่าวไทยนิวส์ออนไลน์ ได้ขอข้อมูลจากทางนักพยากรณ์ชื่อดัง คุณ การะเกต์พยากรณ์ Astrologer and Tarot Reader ถึงเรื่องราวที่เป็นกระแสอยู่ในตอนนี้ จากเรื่องเล่าของรายการเดอะโกสเรดิโอ คุณปอย (เจ้าของเรื่อง) ป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง ได้ไปสัมพันธ์ข้องเกี่ยวกับหมอดูผู้หนึ่ง ซึ่งได้ดูดวงของเธออย่างแม่นยำ ชนิดระบุชื่อคนได้ จากนั้นก็ได้ให้ของไว้บูชา เป็นเครื่องราง หุ่นพยนต์ และมีการไปมาหาสู่กันอย่างสนิทสนมคุ้นเคย จนในเวลาต่อมา คุณปอยก็ได้พบว่า หมอดูกลับทำให้เธอเป็นฝ่ายพบความยากลำบาก มีเหตุการณ์ต่างๆ นานาเกิดขึ้น แต่โชคดีว่าได้เพื่อนมาช่วยเหลือ นำพาให้ผ่านพ้นจากโลกมืดเหล่านั้นมาได้ เรื่องนี้เป็นกระแสโด่งดังกันมาก ส่วนหนึ่งเพราะดูเป็นเรื่องที่เต็มไปด้วยเซอร์ไพรส์ เหนือความคาดหมาย และหักมุมแล้วหักมุมอีก  ถ้าเป็นนิยาย ก็เป็นนิยายที่เต็มไปด้วยความระทึกชวนลุ้น มีรายละเอียดน่าตื่นตะลึง และลงเอยที่บทจบอันน่ากลัว

 

หมอดูขโมยดวง ทำได้จริงหรือไม่ ฟังจากปากหมอดู

 

มีคำถามเข้ามาว่า แล้วการ ขโมยดวง ทำได้จริงไหม

เท่าที่ได้รับข้อมูลมา ประมาณว่าเป็นการขโมยเอา *โชค* หรือ *เรื่องดีๆ* จากดวงหนึ่ง ไปให้กับอีกดวงหนึ่ง เหมือนการแย่งชิงเอา พลัง จากดวงอื่นๆ มาหนุนเสริมบารมีแก่อีกดวงหนึ่งฟังดูเป็นการเล่นแร่แปรธาตุ เปลี่ยนดวง แลกดวง
.
.
ต้องบอกไว้อย่างหนึ่งก่อนว่า ในฐานะของผู้ทำงานด้านโหราศาสตร์ และไสยศาสตร์ ก็อาจจะจัดอยู่ในกลุ่ม #หมอดูที่อยู่กับผี เช่นกัน ในฐานะการทำงานทางวิชาชีพลักษณะเดียวกัน ก็เป็นการยากที่จะวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นโดยไม่มีข้อมูลเพียงพอ แต่ก็จะขอตอบตามประสบการณ์ส่วนตนและอยากย้ำว่า ในสิ่งที่จับต้องไม่ได้ จำเป็นต้องใช้วิจารณญาณเสมอ
ดังนี้นะคะ
.
.
ว่าด้วยการ *ขโมยดวง

ตามประสบการณ์ส่วนตัวแล้ว การจะ ขโมยดวงชะตาบุคคล หรือ แย่งชิงเอาพลังดีๆจากอีกคนไปให้อีกคน เป็นของกระทำได้ยาก และไม่ค่อยได้ยินว่ามีใครทำกันได้จริง เพราะดวงชะตามนุษย์แต่ละคนประกอบสร้างมาอย่างซับซ้อนและเจาะจง อีกทั้ง *พลัง* ในตัวคนแต่ละคน ไม่สามารถจับต้องได้ง่าย เช่น เราบอกใครสักคนว่า ให้กำลังใจ ก็คือส่งความเข้าใจ ความเห็นใจ ความรักใคร่ ความเมตตา การสนับสนุนเคียงข้างกัน เป็นการ สื่อ ให้เขารู้ความรู้สึกฝั่งเรา ไม่ว่าจะด้วยคำพูดหรือการกระทำ แต่โดยปกติทั่วไป เราไม่สามารถจะเอาความรู้สึกของเราไปใส่ในความรู้สึกของเขาได้อย่างหมดจด เช่น เอาความรู้สึกร่าเริงของเราไปใส่ให้คนที่กำลังโศกเศร้า เพื่อให้เขาร่าเริงขึ้นมาได้แทน เป็นของกระทำไม่ได้
.
.

การครอบงำความรู้สึก


แต่อารมณ์ความรู้สึกของคนเรา สามารถเชื่อมจูนต่อกันได้ และคนเรารับคลื่นอารมณ์กันได้ ตัวอย่าง เราอยู่ในบรรยากาศมาคุ มีคนเคร่งเครียด ต่อให้เขาไม่ได้ด่าเรา ว่าเรา ไม่แม้แต่จะมองเรา เราก็อาจจะรู้สึกได้ในบรรยากาศที่กดดันหรือเวลาเราอยู่ในบรรยากาศรื่นเริง มีเสียงหัวเราะ มีความสดชื่นแจ่มใส เราก็จะพลอยเบิกบานใจ สัมผัสได้ในความรู้สึกต่างๆ ของคนรอบข้างอย่างที่เรียกกันว่า การมีอารมณ์ร่วม การถูกชักจูงไปกับบรรยากาศ ลองคิดภาพการไปร่วมงานขาวดำ หรือการไปดูคอนเสิร์ตก็ได้สิ่งที่หลายคนเจอ จึงอาจเป็นการถูก *ครอบงำความรู้สึก* หรือชักจูงให้เคลิ้มคล้อยหลงใหลไปในเรื่องที่อีกฝ่ายมีจุดประสงค์
.
.
สิ่งที่หมอดูในเรื่องทำนั้น เรียกว่าอะไร

เท่าที่จับความได้ หมอดูทำในสิ่งที่สร้างความลำบากเดือดร้อนให้กับเจ้าของเรื่อง เหมือนทำให้ดวงดีพลิกเปลี่ยนเป็นดวงแย่ และหมอดูก็มี *พฤติกรรมแปลกๆ* หลายประการแต่ก็จับความได้อย่างหนึ่งว่า หมอดูนั้นใช้ไสยศาสตร์ได้จริง แต่ใช้ในทางลบ ในทางสร้างความเสียหาย ดังที่เรียกกันว่า ไสย์ดำ ไสยศาสตร์ด้านมืด
.
.
มิจฉาชีพในวงการ

ในสิ่งนี้ เมื่อปรากฏมาเป็น *เรื่องเล่า* ก็นับได้ว่า เจ้าของเรื่องมีตัวตนยืนยันสิ่งที่เป็นประสบการณ์ของตน อย่างไรก็ดี อยากให้แยกให้ออกว่า *เครื่องมือต่างๆ ในโลกเรานี้ อยู่ที่ว่าใครใช้ ใช้อย่างไร*มและดังเคยพูดเสมอว่า มีเส้นแบ่งบางๆ ระหว่างการนำเสนอสิ่งใดใด ด้วยความเชื่อส่วนบุคคล และความไม่เชื่อแต่ลวงให้ผู้อื่นเชื่อ เช่น ไม่เชื่อว่ามีผี แต่ก็ขายของป้องกันผี, ไม่เชื่อเรื่องดวงพยากรณ์ แต่ก็ดูดวงให้ผู้อื่น, ไม่เชื่อว่าไสยศาสตร์มีจริง แต่ก็ขายเครื่องราง เป็นต้น ให้สังเกตว่า การเป็นมิจฉาชีพ คือการนำเสนอหรือขายในสิ่งที่ตนเองรู้ว่ามันคืออะไร หรือไม่ใช่อะไร โดยเจตนาจะหลอกลวงเอาทรัพย์สินผู้อื่นโดยปราศจากความรับผิดชอบ
.
.
อาชีพ - มิจฉาชีพ - มืออาชีพ
กระนั้นก็ตาม  ในโลกใบนี้ ที่เป็นระบบทุนนิยม ในโลกแห่งโลกียะ สินค้าต่างๆ ล้วนมีการนำเสนอ *จุดขาย* มีการทำ *การตลาด* การ *ประชาสัมพันธ์* ดึงจุดเด่นขึ้นมาพรีเซนต์ด้วยกันทั้งสิ้น บางครั้งสินค้าบางอย่างก็อาจเกิดปัญหาที่ไม่ได้คาดฝัน และไม่ได้เจตนา เช่น ตั้งใจจะทำอาหารดีที่สุดขาย แต่อาหารเน่าเสียไม่ทันรู้ เผลอขายออกไปโดยไม่ได้ตรวจสอบให้ดี
อย่างนี้ก็ไม่ใช่มิจฉาชีพ แต่คือไม่เป็นมืออาชีพ เพราะขาดการตรวจสอบอย่างถูกต้องมีหลักการและถึงที่สุด มิจฉาชีพนั้น รันไปทุกวงการ มีในทุกที่ทุกแห่ง ทุกแวดวง ดังมีข่าวกันอยู่ทั่วไป มิจฉาชีพ มาจากคำว่า *มิจฉา+อาชีวะ ก็คือ การหาเลี้ยงชีพในทางที่ผิด หรือ อาชีพที่ผิดกฎหมาย ในพระไตรปิฎก ก็มีกล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ว่า  "มิจฉาอาชีวะเป็นไฉน คือ การโกง การล่อลวง การตลบตะแลง การยอมมอบตนในทางผิด การเอาลาภต่อลาภ..." คำตรงข้ามของมิจฉาชีพจึงคือ สัมมาอาชีวะ คือ หมายถึงการทำมาหากินด้วยอาชีพที่สุจริต แต่ในโลกปัจจุบันนี้ เราจะมี มิจฉาชีพมืออาชีพ มากขึ้นเรื่อยๆ นะคะ 
.
.
จะรู้ได้อย่างไรว่าไสยศาสตร์สำนักไหนถูกต้อง 


ขึ้นชื่อว่า ไสยศาสตร์ คือศาสตร์ที่ยังเร้นลับ จับต้องไม่ได้ และมีช่องว่างอยู่มากมายในการใช้ การเชื่อ การชอบ ด้วยประกอบด้วยสิ่งที่ไม่อาจจับต้องได้อย่างเป็นรูปธรรมในหลายครั้งคราวคำว่า ถูกต้อง จึงอาจไม่มีอยู่จริง เพราะลำพังตัวศาสตร์สายนี้ ก็อยู่เหนือวิสัยปกติในหลายเรื่องราว ไม่มีใครจะรู้ได้ ว่าอันไหนของแท้ ของจริง ของเทียม ของเลียนแบบ เพราะไม่ได้พิสูจน์ได้ง่ายเหมือนการพิสูจน์ทางเคมีวัตถุ สิ่งเดียวที่จะตอบได้ จึงอาจคือประสบการณ์ส่วนตน ผลที่ได้รับ และการใช้สติปัญญา ใช้วิจารณญาณ การอย่าด่วนเชื่อ เพื่อให้เวลากับความสงสัย การค้นหาคำตอบ คำถาม การให้ที่ว่างสำหรับความคิด การพิจารณา ยังคงเป็นหลักการที่ดีเสมอ พร้อมกันนั้น ก็ยังจำเป็นต้องมีเสรีภาพให้ผู้ที่เห็นต่างกับตน เช่น เชื่อถือกันคนละแนวทางสำนัก รับข้อมูลหรือใช้เครื่องมือกันคนละแบบ เหมือนเข้าเรียนสถาบันต่างกัน มีครูบาอาจารย์ที่มีหลักคิดและวิธีสอนต่างกัน ไปจนถึงการทำงานด้วยวิธีการต่างๆ ที่อาจจะแตกต่างกัน
.
.
ควรใช้ไสยศาสตร์แบบไหน


วิธีการใช้ไสยศาสตร์ให้ได้ผลดีที่สุด จึงอาจอยู่ที่ความเชื่อถือศรัทธาอย่างมีสติและมีวิจารณญาณ การทบทวนสิ่งที่เกิดแก่ตนเองด้วยใจเป็นกลางทุกอย่างในโลกเรานี้ ดูที่ผลลัพธ์ของมันเหมือนที่เปรียบกันบ่อยๆ มีดหนึ่งเล่ม ใช้ทำอะไรก็ได้ทั้งบวกและลบ และขึ้นอยู่กับความชำนาญของผู้ใช้ กับคุณภาพของมีด
.
.
หุ่นพยนต์น่ากลัวจริงไหม 

ก็ตอบได้ว่า มีทั้งน่ากลัวและไม่น่ากลัว ขึ้นอยู่กับผู้สร้างผู้ใช้อีกเช่นกัน และอย่าลืมว่า พยนต์คือสิ่งมีชีวิตในโลกอีกมิติหนึ่ง  พยนต์บางตัว บางสำนัก ราคาสูงมากๆ เช่นเดียวกับพระเครื่องที่มีชื่อเสียง แต่พยนต์ราคาย่อมเยาก็มี และพยนต์ที่ไม่มีจิตขวัญอยู่เลยก็มีจริงเช่นกันแต่ก็อย่างที่บอก ของเหล่านี้ไม่อาจจับต้องได้ง่าย ทุกครั้งเมื่อได้ยินได้ฟังเรื่องเร้นลับต่างๆ ให้พิจารณาจากประสบการณ์ของตัวเองร่วมด้วย หาข้อมูลมากๆ ดูครูบาอาจารย์สำนักใดก็ดูกันให้ยาวๆ จึงไม่อาจจะบอกได้ว่า ที่ใดดีกว่าที่ใด ที่ใดจริงแท้กว่าที่ใด เพราะมีความลับเล็กๆ ข้อหนึ่งด้วยว่า ผู้ใช้ไสยศาสตร์จริงจังมักไม่ค่อยป่าวประกาศตลอดเวลา เจ้าของเครื่องรางที่มีฤทธิ์จริงๆ ก็ไม่ค่อยอยากบอกใคร (ในด้านหนึ่งจึงอยากให้ไสยศาสตร์ขึ้นมาอยู่ในแสงสว่าง และใช้ได้ในชีวิตประจำวัน) 
.
.
ไสยขาวกับไสยดำ ต่างกันอย่างไร

ไสยขาว ใช้อย่างสร้างสรรค์ รู้เท่าทัน มีสติปัญญา ใช้แล้วชีวิตรุ่งเรืองก้าวหน้า มีจิตกระจ่างแจ่มใส พัฒนาตนเองไปได้เรื่อยๆ เป็นองค์ประกอบตัวช่วย นำความสำเร็จมาให้ร่วมไปกับศักยภาพอันจับต้องได้ของตน ไสยดำ ใช้อย่างลุ่มหลงในอวิชชา พาเข้ารกเข้าพง นำไปสู่หายนะ หลงรอคอยแต่โชคชะตา ลำบากเพราะการกระทำของตนเอง เหมือนนำเชือกมามัดมือมัดเท้าตัวเองแต่หวังว่าจะได้เหาะขึ้นบนอากาศ 


ขอขอบคุณ : การะเกต์พยากรณ์