- 06 ม.ค. 2562
ย้อนเหตุการณ์ พลังพายุมฤตยู "แฮเรียต-เกย์" สู่ "ปาบึก" ในปัจจุบัน... กับคำพยากรณ์ของ "ในหลวงร.๙" พระเมตตาช่วยลดความสูญเสีย
ในห้วงช่วงเวลานี้สถานการณ์ภัยธรรมชาติที่ต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด คือ "พายุโซนร้อนปาบึก" ที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่ภาคใต้ของประเทศไทยในขณะนี้ ถือได้ว่าเป็นพายุขนาดใหญ่ที่มีความรุนแรงมากในไม่กี่ครั้งที่ประเทศไทยต้องเผชิญ ทั้งนี้ "นายภูเวียง ประคำมินทร์" อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวถึงความรุนแรงของพายุโซนร้อนปาบึก (PABUK) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก คาดว่าจะเคลื่อนผ่านปลายแหลมญวน และเคลื่อนลงอ่าวไทย ในช่วงวันที่ 2-3 ม.ค.นี้ โดยจะมีผลกระทบต่อภาคใต้ประมาณ 15 จังหวัด ในช่วงวันระหว่างที่ 3-5 มกราคม 61 ซึ่งพายุลูกดังกล่าวจะมีรุนแรงเทียบเท่า “พายุแฮเรียต” ที่เคยถล่มแหลมตะลุมพุก เมื่อปี 2505 ...
หากย้อนกลับไป เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2505 "พายุโซนร้อนแฮเรียต" ได้เข้าถล่มภาคใต้ของประเทศไทย โดยเฉพาะ จ.นครศรีธรรมราช ที่ทำลายล้างแหลมตะลุมพุก ก่อตัวขึ้นจากหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง บริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง นอกชายฝั่งทะเลใกล้กับฟิลิปปินส์ ค่อยๆ เคลื่อนตัวช้าทางทิศตะวันตกและมีทีท่าว่าจะอ่อนกำลังลงเรื่อยๆ แต่กลับปรากฏว่า "พายุได้ดังกล่าวได้พัฒนากลายเป็นพายุดีเปรสชั่น" เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 05 ขณะที่กำลังเคลื่อนตัวผ่านแหลมญวน ประเทศเวียดนามตอนใต้ ความเร็วลมเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งพัฒนากลายเป็นพายุโซนร้อน เมื่อพายุได้เคลื่อนตัวลงสู่อ่าวไทย ทำให้ได้รับการตั้งชื่ออย่างเป็นทางการว่า "พายุโซนร้อนแฮเรียต"
เส้นทางพายุตรงไปยัง จ.นครศรีธรรมราช เคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศไทยในตอนค่ำของวันที่ 25 ต.ค. ที่แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง ด้วยความเร็วลมสูงสุดวัดที่สถานีตรวจอากาศนครศรีธรรมราชได้ 95 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมคลื่นพายุซัดฝั่ง หรือสตอร์มเสิร์จ ในช่วงกลางดึก หลังจากนั้นพายุก็อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชัน เคลื่อนผ่าน จ.กระบี่ ภูเก็ต และพังงาลงสู่ทะเลอันดามันในวันที่ 26 ต.ค. โดยอ่อนแรงลงเรื่อยๆ ก่อนจะสลายตัวไปในอ่าวเบงกอลใกล้กับบังกลาเทศในวันที่ 30 ตุลาคม โดยก่อให้เกิดความเสียหาย ผู้คนนับหมื่นไร้ที่อยู่อาศัย เพราะทั้งคลื่นและลมทำลายบ้านเรือนพินาศ อีกทั้งยังมีจำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่า 900 ราย สูญหายมากกว่าร้อยราย ทำให้ "พายุแฮเรียต" ได้รับการบันทึกว่าเป็นพายุที่ร้ายแรงกว่า"พายุไต้ฝุ่นแวนด้า"ที่เกิดในเดือนกันยายนปีเดียวกัน
ซึ่งในครั้งนั้น "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร" ทรงพระราชทานความช่วยเหลือเบื้องต้นด้านที่อยู่อาศัย อาหารเสื้อผ้า ยารักษาโรค อันเป็นปัจจัย 4 นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้สถานีวิทยุ อ.ส.ประกาศเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาบริจาคทรัพย์และสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย ประการสําคัญทรงรับและพระราชทานสิ่งของด้วยพระองค์เอง นอกเหนือจาก การที่ทรงดนตรีให้คนขอเพลงโดยบริจาคเงินช่วยผู้ประสบภัย นับเป็นการใช้สื่อวิทยุในกิจการ ลักษณะนี้เป็นครั้งแรก
นอกจากนี้ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" ทรงมีพระราชประสงค์ให้เด็กกำพร้าจากเหตุการณ์ดังกล่าวได้เรียนหนังสือตามกําลังความสามารถ เพื่อเด็กนั้นจะได้ช่วยตัวเองและเป็นกําลังรับใช้ประเทศชาติต่อไป จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินให้กระทรวงศึกษาธิการ สร้างโรงเรียนประชาบาลที่ถูกพายุพัดพัง รวม 12 โรงเรียนใน 5 จังหวัดภาคใต้ พระราชทานชื่อว่า "โรงเรียนราชประชานุเคราะห์" ส่วนเงินจํานวน 11 ล้านบาทเศษนั้น เมื่อได้จัดสรรช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยแล้ว ยังเหลือเงินอีก 3 ล้านบาท เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความสามัคคีในชาติ และเพื่อให้มีการดําเนินการหาดอกผลสะสมเพิ่มไว้สงเคราะห์ประชาชนยามเกิดสาธารณภัยให้เป็นไปตามกุศล เจตนาของผู้บริจาคอย่างแท้จริง
ยิ่งไปกว่านั้น ถัดมาอีก 27 ปี ประเทศไทยต้องพบเจอกับความรุนแรงของพายุอีกลูก นั่นคือ "พายุไต้ฝุ่นเกย์" พายุไต้ฝุ่นที่ถูกจารึกว่าเป็นความเลวร้ายที่สุดของคาบสมุทรมลายูรอบ 35 ปี (ในขณะนั้น) โดยในวันที่ 1 พฤษจิกายน 2532 หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงได้ก่อตัวขึ้นบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง ก่อนจะเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ พัฒนากลายเป็นพายุโซนร้อน พร้อมกับได้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า "พายุเกย์" แต่ต่อมาในวันที่ 3 พฤษจิกายน พายุดังกล่าวกลับเพิ่มกำลังความเร็วลมมากขึ้นจนกลายเป็นพายุไต้ฝุ่นระดับ 1 พัดอยู่ใจกลางอ่าวไทย ก่อนเช้าวันที่ 4 พฤศจิกายน พายุไต้ฝุ่นเกย์ได้พัดขึ้นชายฝั่ง บริเวณช่วงรอยต่อ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ จ.ชุมพร ด้วยกำลังความเร็วลมถึง 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งจัดเป็นพายุไต้ฝุ่นระดับ
ทั้งนี้ อิทธิพลของ "พายุไต้ฝุ่นเกย์" ทำให้ผู้เสียชีวิตถึง 537 คน สร้างความเสียหายให้กับ อ.เมือง , อ.บางสะพานน้อย , อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ อ.ท่าแซะ , อ.ปะทิว จ.ชุมพร ซ้ำยังทำเรือขุดเจาะน้ำมันอับปางลงนอกชายฝั่งอ่าวไทย ส่งผลให้พายุไต้ฝุ่นเกย์ กลายเป็นพายุลูกเดียวในประวัติศาสตร์ที่พัดเข้าสู่ชายฝั่งประเทศไทย ด้วยความเร็วลมระดับพายุไต้ฝุ่น โดยหลังจากนั้นพายุลูกนี้ยังได้พัดข้ามอ่าวเบงกอล กลายเป็นพายุโซโคลนระดับ 5 ขึ้นถล่มชายฝั่งประเทศอินเดีย ก่อนจะสลายตัวไปบริเวณเทือกเขากัตส์ทางตะวันตกของอินเดีย ... อย่างไรก็ตาม ในอดีตก่อนที่พายุจะขึ้นฝั่ง "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (ในหลวงรัชกาลที่๙)" พระองค์ท่าน ทรงช่วยพยากรณ์พายุล่วงหน้า ทำให้ลดผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที เป็นที่ตราตรึงและซาบซึ้งของพสกนิกรจนถึงทุกวันนี้ ...