- 11 ม.ค. 2562
จากกรณีนพ.เหรียญทอง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ และผู้ก่อตั้ง "องค์กรเก็บขยะแผ่นดิน" ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก เหรียญทอง แน่นหนา โดยมีเนื้อหาถึงผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ซึ่งเขียนข้อความถึงการจะเลื่อนเลือกตั้ง โดยพาดพิงไปถึงพิธีที่ไม่รู้ว่าหมายถึงพิธีอะไร
จากกรณีนพ.เหรียญทอง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ และผู้ก่อตั้ง "องค์กรเก็บขยะแผ่นดิน" ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก เหรียญทอง แน่นหนา โดยมีเนื้อหาถึงผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ซึ่งเขียนข้อความถึงการจะเลื่อนเลือกตั้ง โดยพาดพิงไปถึงพิธีที่ไม่รู้ว่าหมายถึงพิธีอะไร และมีเจตนาใดในการออกมาโพสต์ดังกล่าว สำหรับนพ.เหรียญทองได้ตั้งคำถามกลับไปถึงบุคคลนั้น พร้อมทั้งยังอยากให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบพฤติกรรมด้วยนั้น
ต่อมานพ.พลตรีเหรียญทอง ได้โพสต์ถึงเฟซบุ๊กดังกล่าวอีกครั้งว่า
ด่วนที่สุด...ได้โปรดแชร์ให้ถึง รมว.กระทรวงศึกษาธิการ , อธิการบดี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม , ผวจ.มหาสารคาม , หัวหน้าหน่วยงานความมั่นคง และประชาชน จ.มหาสารคาม ทราบว่า
ผศ.วินัย ผลเจริญ อาจารย์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คส่วนตัวเมื่อ 5 ม.ค.62 เวลา 10.45น.ข้อความว่า "ใครบ้างมีส่วนกำหนดเกมการเลื่อนเลือกตั้ง อย่าลืมว่าเจตจำนงของประชาชนสำคัญยิ่งกว่า...ใดๆ" ทั้งนี้ผมได้ขอให้ ผศ.วินัย ผลเจริญ ชี้แจงว่า "...ใดๆ" ตามที่ ผศ.วินัย ผลเจริญ โพสต์นั้นหมายความถึง...อะไร แต่ ผศ.วินัย ผลเจริญ กลับปิดเฟซบุ๊คหนี เมื่อคืนวันที่ 8 ม.ค.62 เวลา 21.30-22.00 น.โดยประมาณ ดังนั้น ผศ.วินัย ผลเจริญ จึงเป็นอาจารย์ที่ไม่รู้จักความบังควรว่าการแสดงความเห็นใดที่ส่อเสียดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ในขณะที่ตนเองมีหน้าที่เป็นอาจารย์ที่จะต้องสอนและปลูกฝังวิชาการเมืองและการปกครอง
ดังนั้นผมจึงขอความกรุณาจาก รมว.กระทรวงศึกษาธิการ , อธิการบดี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม , ผวจ.มหาสารคาม และหัวหน้าหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ได้โปรดสอบสวน ผศ.วินัย ผลเจริญ และตรวจสอบพฤติกรรมในทางลับที่ได้มีส่วนร่วมกับขบวนการบั่นทอนสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย หากเป็นไปได้แล้วได้โปรดมีคำสั่งอย่างเด็ดขาดด้วยการปลด ผศ.วินัย ผลเจริญ ให้พ้นจากราชการจนกว่าการสอบสวนจะแล้วเสร็จ อย่าปล่อยปละละเลยให้มีอาจารย์ที่มีอคติต่อสถาบันหลักของชาติในสถาบันการศึกษาดังที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้
ผมหวังอย่างยิ่งว่าท่านทั้งหลายจะไม่ละเลยเพิกเฉยดังเช่นผู้มีอำนาจรัฐที่ผ่านมา
ต่อมาเมื่อข้อความที่นพ.เหรียญทอง โพสต์ออกมาถูกเผยแพร่ออกไปก็ปรากฏว่ามีคนเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นต่างๆอย่างมากมาย ทั้งที่เห็นด้วยและกล่าวโจมตีหมอเหรียญทอง จนกระทั่งในเฟซบุ๊กที่หน้าเพจดังกล่าวมีการโต้เถียงกันระหว่างสองฝ่าย จนในที่สุดหมอเหรียญทอง ถูกระงับการโพสต์ข้อความ30วัน และมีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Pornpun Pudyai ได้ออกมาเคลื่อนไหวโดยการโพสต์ข้อความรายงานความเคลื่อนไหวของหมอเหรียญทองดังนี้
Pornpun Pudyai ถึง เหรียญทอง แน่นหนา
ได้โปรดแชร์ให้ทราบโดยทั่วกัน
กระทั่งวานนี้ (10ม.ค.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Pornpun Pudyai โพสต์ระบุถึง เหรียญทอง แน่นหนา โดยมีข้อความบางส่วนระบุว่า ในวันพรุ่งนี้จะมีกลุ่มคนเดินทางไปที่โรงพยาบาลมงกุฏวัฒนะ ซึ่งหมอเหรียญทอง ได้เคลื่อนไหวในการที่จะปกป้องสถานที่ด้วย
เกี่ยวกับเรื่องนี้ล่าสุด (11ม.ค.) พบว่าบนเฟสบุ๊กของ นายเอกชัย หงส์กังวาน นักเคลื่อนไหวกิจกรรมทางการเมือง และตั้งตนเป็นกลุ่มต่อต้านทหารและรัฐบาล คสช. มาโดยตลอด ได้โพสข้อความว่า "พรุ่งนี้ (11 ม.ค. 2562) เวลา 10.00 น. ผม-โชคชัย ไพบูลย์รัชตะ จะเดินทางไปที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ (ถ.แจ้งวัฒนะ ตรงข้ามศูนย์ราชการ) เพื่อไถ่ถามความเห็นในสิ่งที่เขาโพสต์ เขาอ้างเป็นชายชาติทหารที่ไม่เคยผ่านสนามรบ ดังนั้นพวกเราจึงเชื่อในความกล้าหาญของเขา และยินยอมให้พวกเราเข้าพบ"
ขณะที่นายโชคชัย ไพบูลย์รัตนะ โพสต์ข้อความว่า "ถึง พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา ผม นาย โชคชัย ไพบูลย์รัชตะ ได้อ่านโพสต์ของท่านที่เขียนว่าจะมีการคุกคาม โรงพยาบาล มงกุฏวัฒนะ และท่านรู้สึกเป็นห่วงความปลอดภัยของท่านเอง ถึงอาจจะต้องตอบโต้ หากเกิดความรุนแรง ผมเรียนอย่างนี้นะครับ ผมและ เอกชัย หงส์กังวาน ไม่ใช่คนที่จะไปใช้ความรุนแรงกับใครได้ เพราะไม่มีกองกำลังอะไร ที่ผ่านมาผม2คนเป็นผู้ถูกทำร้าย นะครับ ทั้งที่ไปหน้าทำเนียบรัฐบาล หรือไป ปปช. หรือไปกระทรวงกลาโหม หรือจะไปบ้าน พลเอกประวิตร และอีกหลายที่ ก็ไปกันสองคน บางวัน เอกชัย ก็ไปคนเดียว และโดนทำร้ายหลายครั้งตามที่เป็นข่าว และไม่มีอาวุธอะไรต่อสู้เลย
ผมและเอกชัย ควรจะเป็นคนที่ต้องเกรงความไม่ปลอดภัยมากกว่า ตัวท่าน วันที่11 มกราคม เวลา 10.00น ผมก็ไป พบท่านแค่2คนไม่ได้ชวนใครไปด้วย อาวุธอะไรก็ไม่มี แต่ที่มีคือคำถาม ของ เอกชัย ที่จะถามท่าน ให้ท่านตอบ และก็ไม่ได้ไปคุกคาม ผู้ป่วยในโรงพยาบาลด้วย มันไม่ใช่ธุระของเรา2คน ท่านปลอดภัยแน่นอน สบายใจได้ ถ้ามีความรุนแรง หรือยั่วยุ ผิดจากนี้ไม่ใช่ โชคชัย และ เอกชัย แน่นอน พยานจากนักข่าว และเจ้าหน้าที่ ทหาร ตำรวจ และสังคมจะตัดสินเองครับ..."