- 15 ม.ค. 2562
เนติวิทย์ "นักเคลื่อนไหว" ไม่อยากเลือกตั้ง เจอคดีอาญามาตรา 112 จนต้องหลบหนีนอกประเทศ
จากบริบทว่าด้วยพระราชอำนาจ ย่อมกระจ่างชัดแล้วว่าประเทศไทยเราโชคดีแค่ไหน ในการดำรงไว้ซึ่งสถาบันอันสำคัญยิ่ง แต่ขณะเดียวกันในช่วงเวลานี้ก็มีความ พยายามจากกลุ่มผู้ไม่หวังดี ในการใช้วิธีการอันไม่ถูกต้องกับกฎหมายมารวมถึงความเหมาะควร มาสร้างความวุ่นวายบิดเบือนให้ประชาชนเข้าใจผิดมาอย่างต่อเนื่อง ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2562 กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง จัดกิจกรรมแสดงพลังในจุดยืน “ไม่เลื่อน ไม่ล้ม ไม่ต่อเวลาการเลือกตั้ง” โดยมีการชูป้ายข้อความ “เลือกตั้ง 24 ก.พ.” ไม่เลื่อนเลือกตั้ง รวมถึง คสช.ออกไป รวมถึงบางคนใน “กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง” มีการชูป้ายข้อความ ในลักษณะที่หมิ่นเหม่ ซึ่งก็มีการตั้งคำถามกันต่อมาว่าเรื่องแบบนี้สมควรทำหรือไม่ที่หยิบยกถ้อยแถลง "คณะราษฎร" มาปลุกระดม
โดยเฉพาะล่าสุดกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง นำโดย นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว , นายสาวณัฎฐา มหัทธนา หรือ โบ , นายอานนท์ นำภา แกนนำกลุ่มพลเมืองโต้กลับ นายเอกชัย หงส์กังวาน นักกิจกรรมทางการเมือง รวมไปถึง นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถึงขั้นออกแถลงการณ์ยื่นคำขาดถึงรัฐบาล คสช. ดังนี้
1.ไม่เลื่อนวันเลือกตั้งให้เลยหลัง 10 มี.ค.นี้ โดยอ้างว่าจะเสี่ยงให้ กกต.ไม่สามารถประกาศผลการเลือกตั้งภายในกรอบ 150 วัน จนอาจส่งผลทำให้การเลือกตั้งขัดรัฐธรรมนูญ และกลายเป็นโมฆะ ซึ่งกรณีชัดเจนว่าเป็นความพยายามบิดเบือนข้อกฎหมาย เพื่อสร้างกระแสปลุกระดมให้เห็นว่าผู้เกี่ยวข้องทางอย่างรัฐบาล กกต. มีความพยายามอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อล้มการเลือกตั้ง เนื่องจากผู้รู้ทางกฎหมายได้แยกแยะไว้อย่างชัดเจนแล้วเรื่องกรอบเวลาการเลือกตั้งและการประกาศผลเลือกตั้ง ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเลขที่กลุ่มคนอยากเลือกตั้งกล่าวอ้างอย่างแน่นอน
2.ไม่ล้มเลือกตั้งด้วยเล่ห์กลหรือข้ออ้าง เทคนิคทางกฎหมายใด ทั้งที่มีความพยายามทำอยู่ในวันนี้ และที่จะมีขึ้นในอนาคต
3.ไม่ต่อเวลา ให้กับการดำรงอยู่ในอำนาจของตนเอง ผ่านกลไกตามรัฐธรรมนูญที่เขียนขึ้น เพื่อสร้างความได้เปรียบ ไม่ว่าจะในรูปใช้เสียง ส.ว. 250 คน จากการแต่งตั้ง มาสนับสนุนการสืบทอดอำนาจ ใช้ความเป็นรัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม ใช้งบประมาณและโยกย้ายข้าราชการอย่างไร้การตรวจสอบระหว่างช่วงเวลาหาเสียงเลือกตั้ง รวมถึงการเลือกปฏิบัติ เอื้อประโยชน์ให้กับพรรคที่ตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนการสืบทอดอำนาจ ซึ่งล้วนเป็นการโกงการเลือกตั้งทั้งสิ้น
ทั้งนี้นอกเหนือจาก ข้อเสนอการออกแถลงการณ์ของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ในวันนั้นมีการถือป้ายระบุข้อความจากประกาศคณะราษฎร 24 มิถุนายน 2475 ท่อนหนึ่งว่า ราษฎร ทั้งหลายพึงรู้เถิดว่า ประเทศเรานี้ เป็นของราษฎร หากพิจารณาจากป้ายข้อความดังกล่าวนั้นอาจจะแฝงนัยยะที่แฝงเร้นอยู่จนทำให้เกิดข้อคำถามอื่นๆตามมาว่าแบบนี้สมควรหรือไม่
ก็ต้องย้ำกันอีกที ว่าการออกมาในครั้งนี้ของคนกลุ่มนี้ได้ผ่านการ ตระเตรียม วางแผนเป็นอย่างดี อย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นจะได้ย้อนไปดูพฤติกรรมที่ผ่านมาของกลุ่มคนกลุ่มนี้ และจากสถานการณ์ที่เป็นไปจึงต้องจับตาดูว่าเมื่อเข้าใกล้วันเลือกตั้งจะมีการสร้างสถานการณ์เพื่อปั่นป่วนอีกมากน้อยเพียงใด ที่ผ่านมาเราจะเห็นภาพแกนนำหน้าเดิมๆ ที่ร่วมกันคัดค้านรัฐบาล คสช. และที่ผ่านมากลุ่มที่เคลื่อนไหวโดยนักกิจกรรม มักเคลื่อนไหวและเป็นบุคคลเคลื่อนไหวทางการเมืองที่มีชนักติดหลัง
11 ม.ค. 2562 มีรายงานความคืบหน้าว่ากลุ่มคนอยากเลือกตั้งได้มีการรวมตัวชุมนุม โดยเฉพาะบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้า อิมพิเรียลเวิลด์สำโรง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ มีกลุ่มคนอยากเลือกตั้งประมาณ 100 คน นำโดย นายสรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว ได้ปลุกระดมให้ประชาชนที่มีอุดมการณ์เดียวกันออกมาเคลื่อนไหว โดยบรรยากาศผู้ร่วมทำกิจกรรมได้นำป้าย ข้อความ ไม่เลื่อนเลือกตั้ง ขึ้นชู และแสดง สัญลักษณ์ 3 นิ้ว พร้อมกับตะโกนเรียกร้อง เจตนารมณ์ 3 ข้อ คือ ไม่เลื่อนเลือกตั้ง ไม่ล้ม และ ไม่ต่ออายุ คสช. 24 มีนาคม 2561 การชุมนุมของกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตยเริ่มต้นบริเวณสนามบอลมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ กลุ่มผู้ชุมนุมเดินเท้าถึงหน้ากองทัพบก และตั้งเวทีปราศรัยซึ่งใช้รถกระบะเคลื่อนที่บรรทุกเครื่องขยายเสียง เรียกร้องให้กองทัพยุติการสนับสนุน คสช.
ขณะเดียวกันต้องไม่ลืมว่าการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มบุคคลเหล่านี้ ถือเป็นการกระทำที่ละเมิดต่อข้อกฎหมาย
ดูกันที่ จ่านิว สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ แกนนำกลุ่มนักศึกษาประชาธิปไตยศึกษา (NDM) และกลุ่มพลเมืองโต้กลับ ซึ่งได้ถูกเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัว ขณะเดินทางไปยังอุทยานราชภักดิ์ ในกิจกรรม "นั่งรถไฟไปอุทยานราชภักดิ์ ส่องแสงหากลโกง" เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2558 จนถูกแจ้งข้อกล่าวหาฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 เรื่องชุมนุมฝ่าฝืนฯ
2 พ.ย. 2560 ศาลจังหวัดขอนแก่นได้นัดฟังคำพิพากษาในคดีที่ 7 นักศึกษา ถูกฟ้องในข้อหาละเมิดอำนาจศาลจากการทำกิจกรรมให้กำลังใจ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน เมื่อวันที่ 10 ก.พ. 2560 บริเวณริมฟุตบาท ด้านหน้าป้ายศาลจังหวัดขอนแก่น โดยมีการอ่านแถลงการณ์ อ่านกวี ร้องเพลง “บทเพลงของสามัญชน” ซึ่งเป็นเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการให้กำลังใจผู้ที่ถูกคุมขังจากการต่อสู้ และวางดอกไม้เพื่อให้กำลังใจ ซึ่งเป็นดอกกุหลาบสีขาวสื่อถึงความบริสุทธิ์ของพลังนักศึกษา และความบริสุทธิ์ของไผ่ ซึ่งในเวลานั้นอยู่หว่างการพิจารณาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
ศาลมีคำพิพากษา แยกเป็นผู้ต้องหาที่ 1-6 ให้รอการลงโทษ เป็นเวลา 2 ปี คุมประพฤติ 1 ปี โดยให้มารายงานตัว 6 ครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวของ จ่านิว ซึ่งในขณะนั้นเป็นแกนนำกลุ่มนักศึกษาประชาธิปไตยใหม่ และเป็นผู้ใหญ่บรรลุนิติภาวะจบการศึกษาแล้ว มีความผิดในคดีฝ่าฝืนคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นั่งรถไฟไปอุทยานราชภักดิ์ ศาลจึงมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 500 บาท แต่ให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี และให้คุมความประพฤติอีก 1 ปี เช่นเดียวกัน คือต้องมารายงานตัว 6 ครั้ง เช่นเดียวกันผู้ต้องหาที่ 1-6 และให้ทุกคน บำเพ็ญประโยชน์อีก 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ศาลยังมีคำสั่งห้ามไม่ให้ทั้ง 7 คน ไปคบค้าสมาคมหรือรวมตัวกัน หรือจัดกิจกรรม อันที่เป็นลักษณะที่จะเป็นความผิดในทำนองเดียวกันอีก
ส่วนเหตุกรณีวันที่ 25 มิถุนายน 2559 นายรังสิมันต์ โรม ก็ถูกจับกุมเข้าเรือนจำ ในข้อหาขัดคำสั่ง คสช.จากการจัดกิจกรรมที่หอสมุดเมืองกรุงเทพมหานคร โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลชนะสงคราม ได้แสดงหมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ 62/2559 ลงวันที่ 26 สิงหาคม 2559 ข้อหาร่วมกันมั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน ขึ้นไป และความผิดตาม พ.ร.บ.ประชามติ
และที่สำคัญ พฤติกรรมของกลุ่มนี้บางคนก็มีพฤติกรรมที่ส่อให้เห็นแนวคิดเรื่องการต่อต้านเรื่องการเคารพสถาบันเบื้องสูง ตามความคิดของสาธารณชนทั่วไปเช่นกัน อาทิ ถ้าย้อนกลับไป ในวันถวายสัตย์ปฏิญญาณตนของนิสิตใหม่ จุฬาฯ เมื่อ 15 ก.ค. 59 เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นิสิตคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และประธานสภานิสิตจุฬาฯ ในขณะนั้นได้เดินวอล์กเอาต์ออกจากงานกราบบังคมราชานุสาวรีย์ 2 รัชกาล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนของนิสิตใหม่ปี 2560 ที่ต้อง "หมอบกราบ" พระบรมราชานุสาวรีย์ 2 รัชกาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนเกิดเป็นกระแสสังคมตามมาถึงการกระทำของนายเนติวิทย์เหมาะสมหรือไม่...?
โดยเนติวิทย์ยกอ้างเหตุผลว่า ไม่จำเป็นต้องสร้างความศักดิ์สิทธิ์ให้กับพิธีดังกล่าว เพราะไม่ใช่ลักษณะของสังคมแห่งปัญญา
นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น เพราะที่ผ่านมาหลังจากคสช.เข้ามาบริหารประเทศ จนถึงวันนี้มีนักกิจกรรมที่เกี่ยวโยงกับสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ถูกตั้งข้อหามาตรา112 คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ...
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-"เนติวิทย์"นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิและเสรีภาพ หรือแค่"เด็กชังชาติ" ..คนสับปลับ??