- 22 ม.ค. 2562
เกือบตายกันทั้งพรรค! "ยิ่งลักษณ์" โชว์พาวครอบงำ "ชัชชาติ" พท.เสียวถูกยุบ?
ข่าวการครอบงำพรรคการเมืองกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง ภายหลังจากการเคลื่อนไหวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สถานะปัจจุบันเป็ผู้หลบหนีคดี ที่ต้องรีบออกมาปฏิเสธจ้าละหวั่นว่าตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับกิจการภายในพรรคเพื่อไทย .... เมื่อวันที่ 20 ม.ค.62 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้โพสต์ข้อความลงบนทวิตเตอร์ "@PouYingluck" ระบุว่า "ตามที่มีข่าวพาดหัวในหน้าหนังสือพิมพ์ว่าดิฉันสนับสนุนและเสนอชื่อบุคคลที่จะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทยนั้น ดิฉันขอชี้แจงว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เพราะการดำเนินการดังกล่าวเป็นเรื่องกิจการของพรรคที่ต้องไปคัดสรรผู้เหมาะสมกันเอง
และปัจจุบันดิฉันก็มีงานอื่นที่ต้องทำและรับผิดชอบเป็นจำนวนมากประกอบกับสิ่งที่ดิฉันได้รับในอดีตที่ผ่านมาก็ถูกกระทำเจ็บช้ำมากพอแล้วค่ะ" ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้น สืบเนื่องมาจากกรณีที่รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงความพร้อมในการเลือกตั้งว่า ขณะนี้ทางพรรคจัดทำนโยบาย ความพร้อมผู้สมัครรับเลือกตั้งพร้อมเกือบ100เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 2จาก3 รายชื่อที่จะเสนอในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีของทางพรรค มีความพร้อม
ประกอบด้วย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ และ นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ที่ถือเป็นคนสนิท น.ส.ยิ่งลักษณ์ และจากผลสำรวจของพรรค ต่อกระแสนายชัชชาติ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีนั้น ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี ต่างเชื่อมือที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องได้แน่นอน และได้รับการยอมรับจากฐานเสียงคนชั้นกลาง คนรุ่นใหม่อีกด้วย และทางพรรคจัดตารางงานให้นายชัชชาติลงพื้นที่ทั้งในกทม.และต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง ในวันที่21-22ม.ค. จะเดินทางไปรับฟังปัญหา เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาปากท้องพร้อมกับเปิดเวทีปราศรัยที่จ.มหาสารคาม
รายงานข่าวแจ้งว่า นายชัชชาติได้แรงสนับสนุนเต็มที่จากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้โทรศัพท์มาโน้มน้าวเป็นระยะๆให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยที่ทั้งนส.ยิ่งลักษณ์และคนใกล้ชิดพร้อมจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้เป็น ผู้ถูกเสนอชื่อในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีลำดับที่หนึ่ง อย่างไรก็ตามแม้นายชัชชาติจะได้รับการสนับสนุนจากนส.ยิ่งลักษณ์ แต่เป็นที่รับรู้กันภายในว่า ไม่ค่อยลงรอยความคิดบางประการกับคุณหญิงสุดารัตน์ และทันทีที่ชื่อนายชัชชาติปรากฏเป็นแคนดิเดตอีกคนหนึ่ง คุณหญิงสุดารัตน์ก็ออกมาเคลื่อนไหว แสดงความเป็นผู้นำพรรคแบบหนักหน่วงกว่าเดิม
"แม้นายชัชชาติจะได้รับการยอมรับจากโลกออนไลน์ มีภาพลักษณ์ดี ไม่มีบาดแผลทางการเมือง แต่อดีตส.ส.บางส่วนกังวลเรื่องประสบการณ์ทางการเมืองของนายชัชชาติ ยังเป็นรองจากคุณหญิงสุดารัตน์อยู่มาก ประกอบกับยังแบกรับแรงกดดัน ความตึงเครียดสูงทางการเมืองยังไม่ได้ รวมทั้งยังมีความกังวลในการติดต่อประสานงานที่นายชัชชาติ สมัยเป็นรมว.คมนาคมนั้น เข้าถึงยาก ไม่รับฟังเสียงสะท้อนจากนักการเมือง คนในพรรคเกรงว่าในอนาคตจะประสบปัญหาการทำงานร่วมกันได้"แหล่งข่าว ระบุ
ทั้งนี้การที่น.ส.ยิ่งลักษณ์รีบออกมาแจ้งแถลงไขดังกล่าว คงจะหนีไม่พ้นเหตุแห่งผลในใจหวั่นอยู่ลึกๆอาจเข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย ส่งผลพรรคเพื่อไทย มีอันเป็นไปทางการเมือง ถูกยุบพรรคในเนื่องมาจากสาเหตุครอบงำพรรค ..
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง
มาตรา 28 ห้ามมิให้พรรคการเมืองยินยอมหรือกระทำการใดอันทำให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่สมาชิกกระทำการอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำ กิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม และ มาตรา 29 ห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งมิใช่สมาชิกกระทำการใดอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม
บทลงโทษหากพรรคการเมืองไม่ดำเนินการอย่างเคร่งครัดตามกฎหมาย มีการเขียนไว้อย่างชัดเจนในมาตรา 108 ที่ว่า "ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 29 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น"
ประกอบกับเมื่อไม่นานมานี้ กับการทำหน้าที่ของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.องค์กรที่ควบคุมและกำกับพรรคการเมืองให้ดำเนินกิจกรรมไม่ให้ขัดต่อกฎหมาย เริ่มชัดเจนและเข้มข้นขึ้น
เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 2562 มีรายงานว่า กกต. ได้มีการทำหนังสือเชิญบุคคลสำคัญทางการเมืองที่บินไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในช่วงวันเกิดของนายทักษิณ และอาจจะวาระอื่นๆ ให้ข้อมูลกับทาง กกต. เพื่อทำการตรวจสอบกรณีพรรคการเมืองยินยอมหรือกระทำการอันใดให้บุคคลอื่นซึ่งไม่ใช่สมาชิกกระทำการอันใดอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำ กิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมือง หรือสมาชิกขาดอิสระไม่ว่าโดยตรง หรือโดยอ้อม
โดย มีนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล แกนนำพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) เป็นหนึ่งในบุคคลที่ถูกเชิญให้ข้อมูลกับทาง กกต. ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ร่วมรับประทานอาหารกับนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2561 ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนสืบหาพยานหลักฐานยังไม่มีคำตัดสิ้นชี้ชัดว่านายทักษิณ-น.ส.ยิ่งลักษณ์ครอบงำพรรคหรือไม่ แต่หากไม่รีบตัดไฟแต่ต้นลม ยังกระแสข่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์บงการนายชัชาติ เพิ่มเข้ามาอีก เข้าข่ายความวัวไม่ทันจะหายความวายก็เข้ามาแซก อาจนำไปสู่ความเสี่ยงที่ยิ่งขึ้นอีก ในการยุบพรรคเพื่อไทย และนี่อาจเป็นเหตุที่ทำให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องรีบออกมาปฏิเสธแต่หัววันก็เป็นได้
อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดจากการตรวจจนพบข้อมูล หลักฐาน ถ้าเข้าข่ายมีมูลก็จะต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนต่อไป ซึ่งบทโทษของความผิดของการกระทำตามมาตรา 28 และมาตรา 29 พ.ร.ป.พรรคการเมือง ก็คือการเสนอศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรค ตามมาตรา 92 และมาตรา 93 ของกฎหมายเดียวกัน ดังจะเห็นได้ว่าเจตนาของกฏหมายนั้นไม่ประสงค์ให้มีการแทรกแซงโดยบุคคลที่มิได้มีความเกี่ยวข้องกับทางพรรค ยิ่งถ้าเป็นบุคคลที่มีคดีติดตัวย่อมไม่เหมาะสมยิ่ง
เพราะพรรคการเมืองถือเป็นสถาบันการเมืองที่ควรมีเอกภาพในการดำเนินการด้านบริหารรวมถึงนโยบายภายหลังได้รับเลือกให้เป็นรัฐบาล ซึ่งจะเป็นการทำให้กระบวนการพัฒนาประชาธิปไตยเป็นไปอย่างเข้มแข็งและเกิดประสิทธิภาพได้อย่างเป็นรูปธรรม ท้ายที่สุดหน้าที่ การตรวจสอบเรื่องบุคคลภายนอก-ผู้ไม่ใช่สมาชิกพรรคการเมืองเข้าครอบงำ แทรกแซงพรรคการเมือง ต้องเป็นหน้าที่ของ กกต.ตรวจสอบอย่างแข็งขัน และเห็นเป็นที่ประจักษ์ อย่าเอาหูไปนา เอาตาไปไร่!!!