- 30 ม.ค. 2562
ขอหมายจับ ! ล่าตัว"มานพ ทิวารี" เบี้ยวนัดอัยการ คดีฟอกเงินกรุงไทย
30 ม.ค.62 - ที่สำนักงานอัยการคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก พนักงานอัยการคดีพิเศษ 4 นัดส่งฟ้องนายมานพ ทิวารี บิดาของ น.ต.ศิธา ทิวารี อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ในข้อกล่าวหา ร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงินรับโอนเงินที่ได้จากการอนุมัติสินเชื่อระหว่าง ธ.กรุงไทยฯ กับกลุ่มกฤษดามหานครโดยมิชอบ ภายหลังจากที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 ได้มีความเห็นให้สั่งฟ้องคดีไปก่อนหน้านี้
นายมานพ ทิวารี
โดยในเวลา 17.00 น. นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ในวันนี้ซึ่งเป็นวันนัดฟังคำสั่งและส่งตัวฟ้องผู้ต้องหาต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ปรากฏว่านายมานพ ผู้ต้องหายังไม่ได้เดินทางมาพบพนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 โดยส่งผู้รับมอบอำนาจมาขอเลื่อนการฟังคำสั่งคดีและส่งตัวฟ้องไปก่อน ระบุเหตุเนื่องจากขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด จึงขอให้รอฟังคำสั่งของอัยการสูงสุดก่อน ซึ่งทางคณะทำงานอัยการคดีพิเศษพิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ต้องหาอ้างเหตุการขอเลื่อนคดีมาหลายครั้งแล้ว ผู้บังคับบัญชายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงความเห็นและคำสั่ง ทำให้ไม่มีเหตุต้องรอ จึงมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนการฟังคำสั่งออกไป หลังจากนี้ทางอัยการสำนักงานคดีพิเศษจะมีหนังสือไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้ไปดำเนินการติดตามตัวผู้ต้องหามาให้อัยการส่งฟ้อง หากยังไม่ได้ตัวมา ให้ดำเนินการขออนุญาตศาลออกหมายจับตัวผู้ต้องหามาให้อัยการส่งฟ้องศาลต่อไป
ประยุทธ เพชรคุณ
สำหรับคดีร่วมกันฟอกเงินกรุงไทย ดังกล่าว ก่อนหน้านี้คณะทำงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษได้มีความเห็นสั่งฟ้องนายมานพ พร้อมกับ นางกาญจนาภา หงษ์เหิน (เลขานุการส่วนตัว คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) และนายวันชัย หงษ์เหิน (สามีนางกาญจนาภา) ซึ่งนางกาญจนาภา และนายวันชัย สามี หลบหนีไม่มาตามนัดส่งตัวฟ้องของอัยการไปก่อนหน้านี้ พนักงานอัยการคดีพิเศษก็ได้ประสานไปยังดีเอสไอเพื่อขออำนาจศาลออกหมายจับเเล้วเช่นกัน
กาญจนาภา-วันชัย หงษ์เหิน
ส่วนนายมานพ ก่อนหน้านี้นั้นเคยขอเลื่อนการฟังคำสั่งของอัยการมาเเล้ว 2 ครั้ง และยังได้ยื่นร้องขอความเป็นธรรมต่อผู้บริหารสำนักงานอัยการสูงสุด แต่คณะทำงานอัยการพิจารณาแล้วก็มีความเห็นยืนยันสั่งฟ้อง โดยอัยการนัดให้นายมานพ มาพบอัยการในวันนี้
สำหรับคดีสมคบฟอกเงิน ที่เกี่ยวกับการโอนและรับโอนเงินซึ่งเกี่ยวข้องการทุจริตปล่อยกู้ของ ธ.กรุงไทยฯ กับเครือข่ายธุรกิจกฤษดามหานครนั้น ก่อนหน้านี้ อัยการได้ยื่นฟ้องไปแล้ว 2 สำนวน สำนวนแรกส่วนของผู้โอน คือ กลุ่มธุรกิจกฤษดามหานคร ซึ่งได้ยื่นฟ้อง นายวิชัย กฤษดาธานนท์ อายุ 79 ปี ผู้บริหารกฤษดามหานคร กับพวกรวม 6 คน ต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯ เมื่อวันที่ 4 ก.ย.61 เป็นคดีหมายเลขดำ อท.214/2561 ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ มาตรา 4 , 5 , 9 , 60 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 91 จากกรณีระหว่างวันที่ 11 ก.ย.46 - ธ.ค.47 เมื่อมีการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อของ ธ.กรุงไทยฯ ผู้เสียหายให้กับ บมจ.กฤษดามหานคร และบริษัทในเครือ โดยมิชอบแล้ว จำเลยกับพวกอีกหลายคนสมคบกันฟอกเงินที่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อโดยมิชอบ จำนวน 10,400,000,000 บาท (หนึ่งหมื่นสี่ร้อยล้านบาท) นั้น ซึ่งปัจจุบันกลุ่มนายวิชัย ผู้บริหารกฤษดามหานคร ก็ยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำฯ
พานทองแท้ ชินวัตร
ส่วนสำนวนที่ 2 กลุ่มรับโอนเงิน ที่ยื่นฟ้อง นายพานทองแท้ ชินวัตร หรือโอ๊ค (บุตรชายคนโต อายุ 38 ปี ของนายทักษิณ) ในความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5 , 9 , 60 ฐานสมคบฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงินรับโอนเช็ค 10 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 ต.ค.61 ซึ่งศาลประทับรับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อท.245/2561 และได้นัดตรวจเอกสารหลักฐานต่อเนื่องในเดือน ม.ค.62 - เม.ย.62 โดยจะนัดตรวจหลักฐานทั้งหมดให้เสร็จสิ้นในวันที่ 25 มิ.ย.นี้ ขณะที่นายพานทองแท้ ได้ประกันตัวไปด้วยหลักทรัพย์เงินสด 1 ล้านบาท ซึ่งศาลกำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-ไปอีก2 ประกาศจับ! เลขาหญิงอ้อ-สามี หนีคดีฟอกเงินกรุงไทย พบเผ่นนอกตั้งแต่5ตค.
-โดนแล้ว! ปปง.อายัดทรัพย์ "บูม จิรัชพิสิษฐ์" พร้อมพี่ชาย-พี่สาว คดีฟอกเงินบิตคอยน์