เลขาฯหญิงอ้อ-สามี หนีซุกฮ่องกง ขณะ "ทักษิณ" โฉบเข้าก่อนหน้า1วัน ตีความเป็นอื่นได้หรือ เหตุคดีนี้เกี่ยวพัน "พานทองแท้"

         วานนี้ที่ผ่านมา (16 พ.ย.) "พ.ต.อ.ไพสิฐ  วงศ์เมือง" อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เผยว่า เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (12 พ.ย.) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางได้อนุมัติหมายจับ "นางกาญจนาภา  หงษ์เหิน"  เลขานุการส่วนตัวของ "คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร" และ"นายวันชัย  หงษ์เหิน"  ผู้ต้องหาคดีความผิดฐานฟอกเงินในคดีที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตอนุมัติสินเชื่อของ"ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)" ให้กับบริษัทในเครือ"กฤษดามหานคร" หลังผู้ต้องหาไม่เดินทางเข้ารับฟังคำสั่งฟ้องของอัยการตามนัดเมื่อวันที่ 31 ต.ค.

 

 

    ทั้งนี้ ... จากการตรวจสอบของ "DSI" พบว่าหลังจากมีการส่งสำนวนพร้อมผู้ต้องหาให้อัยการไปเมื่อวันที่ 25 ก.ค. และอัยการได้ปล่อยตัวโดยไม่มีการกำหนดเงื่อนไขประกันตัว  ต่อมาในเดือน "ตุลาคม" พบว่าบุคคลทั้ง2ได้เดินทางออกนอกประเทศปลายทางคือเกาะฮ่องกง  ซึ่งถือเป็นการเป็นการเดินทางออกนอกประเทศก่อนกำหนดนัดที่อัยการนัดมาฟังคำสั่งฟ้อง  โดยหลังจากนี้ดีเอสไอจะเร่งตรวจสอบประเทศปลายทางว่าหลังจากฮ่องกงแล้วได้เดินทางยังประเทศใดอีกเพื่อให้ทราบถิ่นที่อยู่และส่งเรื่องอัยการสูงสุดประสานเพื่อขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน  กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย  ทั้งนี้ อายุความคดีดังกล่าวจะไม่ขาดลงในเดือน ม.ค. 62 เนื่องจากเป็นคดีที่อัยการยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง  ทำให้คดีไม่มีอายุความแม้ผู้ต้องหาหลบหนี

 

 

 

     สำหรับคดีดังกล่าวสืบเนื่องจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวโทษให้ดีเอสไอดำเนินคดีกับ"นางเกศินี  จิปิภพ", "นางกาญจนาภา  หงษ์เหิน","นายวันชัย  หงษ์เหิน"  และ"นายพานทองแท้  ชินวัตร"  ในความผิดฐานฟอกเงินและโดยดีเอสไอมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา และส่งสำนวนไปให้พนักงานอัยการซึ่งมีการนัดฟังคำสั่งเมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่าน แต่ปรากฏว่า"นางกาญจนาภา" และ"นายวันชัย" ไม่เดินทางมาตามกำหนดนัดโดยไม่มีเหตุอันควร  พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการคดีพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 จึงขอให้ดีเอสไอดำเนินการเพื่อให้ได้ตัวผู้ต้องหาทั้งสองโดยเร็ว

 

 

 

   จนกระทั่ง ต่อมาพบว่าบุคคลทั้ง 2 ได้เดินทางออกนอกประเทศไปแล้วตั้งแต่วันที่ 5 ต.ค.และเนื่องจากคดีดังกล่าวอยู่ในอำนาจการพิจารณาของศาลอาญาคดีทุจริตฯ เมื่อมีพฤติการณ์หลบหนี ดีเอสไอจึงยื่นคำขอต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯ เพื่อให้ออกหมายจับ กระทั่งนำไปสู่ออกหมายจับเลขที่  จ.115/2561 ลงวันที่ 12 พ.ย. 61 ให้จับตัว"นางกาญจนาภา" และหมายจับเลขที่ จ.116/2561 ลงวันที่ 12 พ.ย. 61ให้จับ"นายวันชัย" มาดำเนินคดีตามขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป.

 

 

    อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตุว่า การหลบหนีของ "2สามีภรรยา-หงษ์เหิน" เมื่อวันที่5 ต.ค.ที่ผ่านมา ตามคำกล่าวของอธิบดี DSI  ช่างประจวบเหมาะเสียนี่กระไร กับ การโฉบเข้ามาที่เกาะฮ่องกง ของ "2ศรีพี่น้อง-ชินวัตร" เนื่องจาก แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดเผยว่า "นายทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี และ "น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ที่ได้เดินทางมายังเกาะฮ่องกง เพื่อหารือกับแกนนำพรรคเพื่อไทยในการรับมือการเลือกตั้ง  ในวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยรายงานข่าวยังระบุด้วยว่า การเข้ามาฮ่องกงของ"นายทักษิณ" ในครั้งนั้น เพื่อจัดการตั้งพรรคฯสำรองอีกพรรคฯหนึ่ง กรณีที่พรรคเพื่อไทยอาจถูกยุบ ตามเสียงร่ำลือ ... 

 

 

 

 

       หากพิจารณาจากสถานที่ และวันเวลาที่เหลื่อมล้ำกันเพียงแค่1วัน คงตีความเป็นอื่นใดมิได้ นอกเสียจาก บุคคลทั้ง2ฝ่าย อาจเป็นการจงใจโคจรพบกัน ระหว่าง "2ศรีพี่น้อง-ชินวัตร" และ "2สามีภรรยา-หงษ์เหิน" เพราะอย่าลืมว่า  "นางกาญจนาภา  หงษ์เหิน" เป็น เลขาฯส่วนตัวของหญิงอ้อหรือ "คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร" อดีตภริยาของนายทักษิณ ซึ่งว่าไปแล้วก็ถือว่าเป็นลูกน้องคนสนิทเลยทีเดียว

 

และ "นายวันชัย  หงษ์เหิน ซึ่งเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ห้องค้าหลักทรัพย์ บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ ซึ่งเป็นตัวแทนดำเนินการซื้อขายหุ้น ของ"ตระกูลชินวัตร" เหนืออื่นใดก็คือ การหลบหนีคดีฟอกเงินกรุงไทยของ"2สามีภรรยา-หงส์เหิน" นั้นมีความเกี่ยวพัน กับ "ลูกโอ๊ค" หรือ"นายพานทองแท้ ชินวัตร" ซึ่งโดนคดีฟอกเงินกรุงไทยจากเช็คจำนวน10ล้านเช่นกัน

 

 

   แม้ว่าจะไม่มีใครยืนยันได้ว่า การไปฮ่องกงของทั้ง2ฝ่ายจะมีการพบกันและพากันหนีจริงหรือไม่..อย่างไร... แต่หากพิจารณาจากตัวคดี ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านาย-ลูกน้อง วันเวลา-สถานที่ ตามข้างต้นที่กล่าวมา เป็นไปได้ว่าการโคจรมาพบกันของพวกเขาเหล่านี้อาจจะไม่ใช่งบังเอิญแน่ๆ สุดท้ายนี้...สังคมอาจต้องเป็นคนตัดสิน และจับตาดูความเคลื่อนไหวของพวกเขาเหล่านี้ต่อไปในภาคหน้า ...