“สามมิตร” ระเบิดเวลา ถึงวันที่ “บิ๊กตู่” ต้องทบทวน!!

"นักการเมือง" ยังเล่นการเมืองไม่เลิก โดยเฉพาะกระแสความวุ่นวายที่เกิดขึ้นระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล  สาละวนสาละวันแย่งชิ่งตำแหน่ง เก้าอี้กระทรวง หลังมีข่าวว่าการจัดสรรโควตาเก้าอี้รัฐมนตรีไม่ลงตัวเนื่องจากแกนนำของพลังประชารัฐไม่พอใจต่อกรณีที่ประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย ได้รับการจัดสรรคกระทรวง ไปตั้งแต่ก่อนวันโหวตเลือกนายกฯ

 

คือ พรรคประชาธิปัตย์ได้กระทรวงพาณิชย์, เกษตรและสหกรณ์ และการพัฒนาสังคมฯ  ส่วนภูมิใจไทย ได้คมนาคม, สาธารณสุข และท่องเที่ยวและกีฬา

 

จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นเงื่อนไข ต่อรองครั้งใหม่ โดยกดดันไปที่ ประชาธิปัตย์ โดยว่ากันว่ามีการเสนอให้กระทรวงการต่างประเทศและการทรวงศึกษาธิการ แลกคืนกระทรวงพาณิชย์หรือกระทรวงเกษตรฯ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ

 

ต่อมาช่วงค่ำวันที่ 8 มิถุนายน 2562 เวลาประมาณ 20.6 น.  “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ออกมาโพสต์ดฟสบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า “กระทรวงมีไว้ให้คนเข้าไปทำงาน ไม่ใช่มีไว้ให้มาเที่ยวแลกไปมา จบข่าว !!!”  จนการปะทะ คารมณ์ อย่างดุเดือด ระหว่าง ธนกร วังคงบุญชนะ  โฆษกพลังประชารัฐ  ตามโลกออนไลนท์ อยู่ขณะนี้

 

 

และล่าสุดทางด้านของว่าที่พรรคร่วมรัฐบาล อย่าง พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาธิปัตย์  ภายใต้การนำของ "กัปตันอู๊ดด้า" “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรคคนใหม่ ที่พร้อมใจประสานเสียง ยืนยัน ดีลเดิม ไม่มีเป็นอื่นอย่างแน่นอน

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าจนถึงวันนี้ภายในพรรคพลังประชารัฐยังฝุ่นตลบเรื่องเก้าอี้รัฐมนตรี อันเกิด “แรงกดดัน” อันเกิดจากกลุ่มสามมิตร ที่ยังไม่ได้ดังใจ  ตั้งแต่เรื่องของ กระทรวงเกษตร ฯ ที่ สมศักดิ์ เทพสุทิน หมายมั่นปั่นมือ ปักธงรอเตรียมขึ้นนั่งคุมเก้าอี้เจ้ากระทรวงเกษตรฯ แต่เมื่อตกไปอยู่ในโควต้าของฝั่งประชาธิปัตย์  ทำให้ กลุ่มสามมิตร ไม่พอใจ เปิดศึกแย่งพรรคประชาธิปัตย์ทวงคืนเก้าอี้  ซึ่งการต่อรอง ทวงคืนในครั้งนั้น ทำให้การตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลของประชาธิปัตย์ ยื้อเยื้ออยู่เป็นเวลานาน  ก่อให้เกิดความเสี่ยง กาจัดตั้งรัฐบาลส่อล้มมาแล้ว ... จนทำให้ฝ่ายสามมิตร ยอมถอย ยกกระทรวงเกษตรให้ประชาธิปัตย์ อย่างกล้ํากลืน

 

แม้ในนาทีสุดท้ายของการโหวตเลือกนายกฯ กลุ่มสามมิตร ก็ไม่หยุดเคลื่อนไหว จับกลุ่ม 30 ส.ส. ตั้งโต๊ะ กดดันพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เปรยถึงนโยบายทางการเกษตรอย่างมีเป็นนัยยะ ระบุ  “ทางพรรคเองต้องมีกระทรวงที่ตอบสนองกับนโยบายการหาเสียง หากพรรคไม่เก็บกระทรวงสำคัญๆ ไว้เลย การเลือกตั้งครั้งหน้า ส.ส.ของเราจะไม่มีที่ยืน”

 

 

สำหรับ กลุ่มส.ส.ภาย ใต้ปีกสามมิตร  ประกอบไป กลุ่มบัญชีรายชื่อ ได้แก่ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ, สมศักดิ์ เทพสุทิน, สุรสิทธิ์ วงศ์วิทยานนท์ และพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ

 

ภาคอิสาน ได้แก่ ณัฎฐพล จรัสรพีพงษ์ สุรินทร์ เขต2 ,เชิงชาย ชาลีรินทร์ ชัยภูมิ เขต2 ,สัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ชัยภูมิ เขต3 ,เกษม ศุภรานนท์ นครราชสีมา เขต 1 และ สมศักดิ์ พันธ์เกษม นครราชสีมา เขต 11

ภาคเหนือตอนล่าง ได้แก่ อนุชา น้อยวงศ์ พิษณุโลก เขต 3 , มานัส อ่อนอ้าย พิษณุโลก เขต 5 ,ภิญโญ นิโรจน์ นครสวรรค์ เขต 1 , วีระกร คำประกอบ นครสวรรค์ เขต 2 , สัญญา นิลสุพรรณ นครสวรรค์ เขต 3, ไผ่ ลิกค์ กำแพงเพชร เขต1 ,ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ กำแพงเพชร เขต 2, อนันต์ ผลอำนวย กำแพงเพชร 3 , ปริญญา ฤกษ์หร่าย กำแพงเพชร เขต 4 ,พรชัย อินทร์สุข พิจิตร เขต 1 ภูดิท อิสุวรรณ์ พิจิตร เขต 2 และสุรชาติ ศรีบุศกร พิจิตร เขต3

 

ภาค กลาง  ได้แก่ บุญยิ่ง นิติกาญจนา ราชบุรี เขต2 , ปารีณา ไกรคุปต์ ราชบุรี เขต3 , อนุชา นาคาชัย ชัยนาท เขต1 และมณเฑียร สงฆ์ประชา ชัยนาท เขต 2

 

ภาคตะวันออก ได้แก่ สรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ชลบุรี เขต 4 และกทม.  คือ สิระ เจนจาคะ กทม. เขต 19

 

สิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงเสถียรภาพและเอกภาพ ในการบริหารราชการแผ่นดิน ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับพล.อ.ประยุทธ์  แม้จะได้นั่งเก้าอี้นายกฯ  แต่ก็นั่งบนเก้าอี้ที่มีระเบิดเวลา ชื่อ “สามมิตร” ที่กล้านำความเสี่ยงการจัดตั้งรัฐบาล มาเป็นเครื่องต่อรองอำนาจผลประโยชน์

 

 

จนถึงเวลา ที่พล.อ.ประยุทธ์ จะทบทวนบทบาทของกลุ่มสามมิตร ไม่นับรวมข้อครหาประวัติความโปร่งใส ในอดีตที่ผ่านมา และหากพล.อ.ประยุทธ์ ยังยอมให้สามมิตร มีอำนาจในการต่อรองอยู่เหนืออื่นใด  อนาคตรัฐบาล”บิ๊กตู่”จะพุ่ง หรือ พัง !!  ระวัง... งานนี้มีหวังอาจจบไม่สวย