- 21 มิ.ย. 2562
เปิดสามสหายในพรรคอนาคตใหม่คิดอะไร ใครก็รู้??? แฉ!!! ช่อแค่เปลี่ยนบทบาทหลบกระแส!?! เพราะรู้ซึ้งแล้ว คนไทยยังรักผูกพันสถาบัน!!!
ว่าจะเป็นผลพวงจากภาพที่โพสต์เมื่อ9ปีก่อนหรือไม่ ที่ปรากฏรายงานข่าวจากพรรคอนาคตใหม่ออกมาอ้างถึง น.ส.พรรณิการ์ วานิช หรือ ช่อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการโพสต์ภาพถ่ายไม่เหมาะบนเฟซบุ๊กส่วนตัว จนเกิดกระแสสังคมเหวี่ยงกลับ กระทั่งมีประชาชนแจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอท.) เพื่อดำเนินคดีฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพตามความผิดมาตรา 112 โดยรายงานที่อ้างออกมาจะมีการลดบทบาท ช่อ แต่ความจริงกลับพบว่า เป็นเพียงการเปลี่ยนบทบาทหลบกระแสเท่านั้น เพราะต้องไม่ลืมว่า ระหว่างช่อ นายธนาธร หัวหน้าพรรค รวมทั้งนายปิยบุตร เลขาฯพรรคนั้น มีความสนิทสนมกันเพียงใด และมีร่องรอยทางความคิดต่อสถาบันที่คล้ายกันด้วย ?!?
ย้อนจากที่โลกออนไลน์ แชร์ภาพในอดีตของ "ช่อ" พรรณิการ์ ขณะรับปริญญา รัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปี 2553 และเพื่อนร่วม6คน โดยได้ทำทำท่าลบหลู่ขำขัน ถือเป็นกิริยาที่มิบังควร พร้อมใส่แคปชันว่า "ภาพนี้ไม่ควรมีคำบรรยาย ต่อมา พรรณิการ์ ได้ออกมากล่าวโทษ "เพจเฟซบุ๊กที่ทำงานปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารทางจิตวิทยา (หรือที่เรียกกันว่า เพจ IO) ให้แก่ คสช. กับสื่อมวลชน นำภาพที่ช่อถ่ายเล่นๆ กับเพื่อนในช่วงรับปริญญาที่จุฬาเมื่อปี 2553 มาโจมตีช่ออย่างรุนแรงโดยพยายามเชื่อมโยงกับเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์"
ต่อมานางสาวพรรณิการ์ ชี้แจงกรณีโพสต์ภาพไม่เหมาะสมในโลกโซเชียลอีกครั้ง ว่า “ส่วนตัวมีความสนใจการเมืองอย่างมาก ส่วนที่ถูกโยงกับสถาบันนั้น ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน แต่ยอมรับว่าภาพดังกล่าวไม่เหมาะสมและทำให้ไม่สบายใจ พร้อมขอโทษที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในโลกโซเชียลมีเดีย ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการปรึกษาทีมกฎหมายเรื่องที่มีผู้ไปแจ้งความกับปอท. ต้องรอว่าเจ้าหน้าที่จะรับเป็นคดีความหรือไม่ อย่างไร
อย่างไรก็ตาม น.ส.พรรณิการ์ ยังมองว่า เรื่องนี้เป็นการสกัดกั้นทางการเมือง เนื่องจากการที่พรรคอนาคตใหม่พุ่งชนกับผู้มีอำนาจมาโดยตลอด จึงขอร้องอย่านำสถาบันมาเกี่ยวข้อง เพราะการที่พรรคอนาคตใหม่เข้าสู่การเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข นั้นหมายความว่าเรายอมรับในระบบนี้
ส่วนกรณีที่โพสต์ภาพถือตราสัญลักษณ์พร้อมสวมหมวกของชาวเวียดนาม โดยใช้เขียนบรรยายว่า เวียดนามยุค พรี โฮจิมินห์ น.ส.พรรณิการ์ ระบุว่า เป็นรูปที่ถ่ายในที่ทำงานเมื่อนานมาแล้ว เป็นการถ่ายเล่นๆ กับหมวกที่สวมอยู่ ซึ่งจำไม่ได้ว่าตนเองคิดอะไรในขณะนั้น แต่ไม่มีบริบทใดเชื่อมโยงกับสถาบันและการเมือง เพราะการเมืองไทยกับการเมืองเวียดนามแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ขณะที่มีการอ้างแหล่งข่าวจากสื่อว่า บทบาทในฐานะโฆษกพรรคอนาคตใหม่ของ น.ส.พรรณิการ์ ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งกรณีที่มีการตั้งรองโฆษกพรรคเพิ่มเติม 2 ราย คือ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. และนายเอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงราย โดยอ้างว่าเพื่อเพิ่มความหลากหลายในการสื่อสาร แต่ในการเปิดตัว 2 โฆษกพรรคคนใหม่นั้น กลับให้ นายวาโย อัศวรุ่งเรือง รองโฆษกพรรคอนาคตใหม่ เป็นผู้แถลงเปิดตัว โดยที่ น.ส.พรรณิการ์ ไม่ได้ร่วมแถลงข่าวด้วย ซึ่งผิดวิสัยของผู้ที่เป็นโฆษกพรรค รับผิดชอบงานด้านการประชาสัมพันธ์สื่อสารของพรรค
นอกจากนี้รายงานยังอ้างอีกว่า เดิมพรรคอนาคตใหม่ได้เสนอชื่อ น.ส.พรรณิการ์ เป็น 1 ใน 7 คณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมฝ่ายค้าน แต่ได้นำชื่อออก และใส่ชื่อ นายเอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงราย ในฐานะรองโฆษกพรรค แทน รวมไปถึงกำหนดการลงพื้นที่ของ นายธนาธร และนายปิยุบตร ระหว่างวันที่ 22-24 มิ.ย. ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน ก็ไม่ปรากฏชื่อ น.ส.พรรณิการ์ ร่วมคณะไปแต่อย่างใดด้วย
ก่อนที่เจ้าตัวคือ น.ส.พรรณิการ์ ออกมากล่าวถึงกระแสข่าวปล่อยถูกลดบาททางการเมืองว่า ยังคงมีบทบาทเหมือนเดิมในฐานะส.ส.นั้น ถูกมอบหมายให้รับผิดชอบด้านการต่างประเทศ และสิทธิมนุษยชน เมื่อมีการร่างข้อบังคับ กำหนดสัดส่วนกรรมาธิการเสร็จแล้ว ก็จะเข้าไปรับผิดชอบในด้านที่เกี่ยวข้อง ส่วนในฐานะโฆษก การแต่งตั้งรองโฆษกเพิ่มอีก 2 คน รวมมีรองโฆษก 3 คนนั้น เป็นการวางแผนของพรรคตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งว่า ภายหลังการเลือกตั้งจะประกาศตั้งรองโฆษกเพิ่มเติมเมื่อมีรัฐบาลใหม่ ซึ่งเป็นขั้นตอนปกติทั่วไปของพรรคการเมืองที่จะต้องมีรองโฆษกหลายคนเพื่อแถลงและชี้แจงในแต่ละประเด็นที่มีความรู้ความสามารถและได้รับมอบหมาย
“เมื่อการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรียังวุ่นวาย ไม่สะเด็ดน้ำเสียที อนาคตใหม่จึงประกาศตั้งรองโฆษกเพิ่มเพื่อเตรียมพร้อมการทำงาน ดังนั้นในความเป็นจริงจึงเป็นเรื่องของการกระจายงานกันทำ ไม่ให้กระจุกตัวอยู่ที่คนใดคนหนึ่ง เพื่อนำไปสู่การสร้างพรรคการเมืองให้เข้มแข็ง ไม่ใช่พรรคที่ยึดถือตัวบุคคล นี่จึงไม่ใช่เรื่องของลดหรือไม่ลดบทบาท
“ที่ผ่านมาพรรคอนาคตใหม่ก็ถูกโจมตีว่าในพรรคมีแต่ นายธนาธร นายปิยบุตร น.ส.พรรณิการ์เท่านั้น แต่พอพรรคอนาคตใหม่กระจายบทบาทกันทำหน้าที่ ก็ถูกมองเรื่องลดบทบาทอีก” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว
นั่นคือคำชี้แจงของช่อต่อกระแสข่าวว่าถูกพรรคอนาคตใหม่ลดบทบาทเนื่องจากการโพสต์ภาพมิบังควรเมื่อ9ปีก่อน ซึ่งใครจะเชื่อใคร หรือไม่เชื่อใครก็สุดแต่พิจารณา แต่ข้อย้ำถึงพฤติกรรมของช่อ ที่กระทำเรื่องในเชิงลบหลู่หลายกรรมหลายวาระนั้น ย่อมสะท้อนความคิดตัวตน ไม่ใช่แค่ทำเอาสนุกแน่จริงหรือไม่??? เพราะการโกหกคนอื่นอาจทำได้ แต่กับตัวเองนั้นย่อมโกหกยาก และหากย้อนดูพฤติกรรมของหัวหน้าพรรคอย่างนายธนาธร ที่เคยเป็นนายทุนให้หนังสือที่ทำออกมาในทำนองกระทบกระเทียบต่อสถาบันแทบทุกฉบับ รวมทั้งการหยิบเอาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาพูดว่าเป็นเพียงวาทกรรม กระทั้งการให้สัมภาษณ์หนังสือพ็อกเก็ตบุ๊กเล่มหนึ่ง ซึ่งบ่งบอกความคิดของนายธนาธรอย่างแจ่มชัด???
ขณะที่เลขาฯพรรคอย่างนายปิยบุตร ซึ่งคนไทยต่างก็ทราบดีว่ามีพฤติกรรมคำพูดอย่างไรต่อสถาบัน ในหลายครั้งที่หมิ่นเหม่เป็นอย่างยิ่ง กระทั่งมีคนนำไปแจ้งความเอาผิดมาแล้ว รวมทั้งการเสนอให้แก้ไขมาตรา 112 ประเด็นพระมหากษัตริย์กับรัฐสภา และพระมหากษัตริย์ ที่ทรงมีพระราชดำรัสต่อสาธารณะ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ล้วนแล้วหมิ่นเหม่เป็นอย่างยิ่ง จนมีการกล่าวกันว่า คนจำพวกนี้เป็นคนชังเจ้า ส่วนจะนับเอา ช่อ เข้าไปด้วยหรือไม่นั้น เชื่อว่าสังคมพิจารณาถึงพฤติกรรมที่ผ่านมาได้ว่า ควรถูกจัดเข้าพวกด้วยหรือไม่ แต่ที่แน่ๆพวกเขามีความสนิทกัน ซึ่งในความสนิทกันของคนนั้น ข้อสังเกตอย่างหนึ่งที่ทราบกันก็คือ ย่อมมีความคิดบางอย่างที่คล้ายกัน เป็นไปในทิศทางเดียวกันใช่หรือไม่???
สุดท้ายหากจะว่า ช่อถูกลดบทบาท ก็จะขอชี้ชัดลงไปแบบให้เห็นแย้งว่า นี่คือแผนการในการปรับเปลี่ยนบทบาทเพื่อหลบกระแสสังคมที่โหมกระหน่ำโจมตีในเรื่องการกระทำของช่อเท่านั้น เพราะทั้งหลายเหล่านี้คงรู้ซึ่งแก่ใจแล้วว่า ประชาชนคนไทยยังคงรักผูกพันเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์เพียงใด!!! และมีหรือที่ สามสหายแห่งอนาคตใหม่จะทอดทิ้งดูดายกันเมื่อคนใดคนหนึ่งเดินพลาด ฉะนั้นจึงต้องออกมาตรการอะไรสักอย่างเพื่อช่วยเหลือ ก็อย่างที่พรรคอนาคตใหม่กำลังทำให้ช่ออยู่จริงหรือไม่???