ส่องปัญหาสนิมเกิดแต่เนื้อในตน !!! รัฐบาลประยุทธ์ ๒ อยู่ยาวหรือสั้น ก็อยู่ที่เอามีดบั่นคอตัวเองหรือไม่ ?

ในรายการเที่ยงตรงกับสนธิญาณ ได้นำเสนอในตอน รัฐบาล ประยุทธ์ ๒ อยู่ยาวหรือสั้นก็อยู่ที่เอามีดบั่นคอตัวเองหรือไม่? โดยคุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ได้ระบุว่า ก็ต้องถือว่าเป็นที่รับทราบรับรู้กันแล้วนะครับสำหรับพี่น้องประชาชนคนไทย กับรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ประยุทธ์ 2 ที่ออกมา เป็นไปตามโผครับ ไม่มีอะไรผิดแปลกออกไป นอกเหนือจากกรณีของกระทรวงแรงงาน ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะมีชื่อของร้อยเอกธรรมนัส ไปนั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน แต่ท้ายที่สุดก็ถูกโยกมาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร แล้วก็มอบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานให้กับพรรครวมพลังประชาชาติไทย โดยมีหม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล มานั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการ แค่นี้แหละครับ ไม่มีอะไรตื่นเต้นครับท่านผู้ชมครับ

 

นับแต่นี้ไปสิ่งที่จะต้องจับตาสำหรับรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นี่นะครับ มีเรื่องใหญ่ๆอยู่  2 เรื่องด้วยกัน หนึ่งก็คือเรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งต้องถือว่าพลเอกประยุทธ์นั้นเมื่อเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยการรัฐประหาร ใช้อำนาจของกองทัพและ คสช. เข้ามาบริหารประเทศนั้น ได้รับการตอบสนองแซ่ซ้อง เสียงเชียร์จากพี่น้องประชาชนคนไทย เรียกได้ว่าแทบจะทั้งประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสีเสื้อไหนฝั่งไหน  เพราะว่าความขัดแย้งของสังคมไทยที่มีมาอย่างยาวนานนับเป็นสิบปี ดูเหมือนว่าจะถูกคลี่คลายลงด้วยนายทหารที่ชื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่หลังจากที่เข้ามาบริหารประเทศห้าปีแล้ว

 อันนี้เป็นธรรมชาติที่จะต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งนั่นก็คือ การจับตาของประชาชน ในแง่ของการแก้ปัญหาของประเทศชาติในช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมาว่าประชาชนมีความพึงพอใจหรือไม่ ต้องถือว่าใน 5 ปีที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์นะครับได้รับความนิยมจากประชาชน ไม่ว่าจะมีการสำรวจโพลไหนก็ตามแต่ แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดนะครับ ความนิยมค่อยๆลดลง แม้จะเกินร้อยละ 50 ก็ตามแต่ คือถือว่ายังได้รับความนิยมเกินครึ่ง แต่จาก 80 70 ลดน้อยถอยลงเรื่อยๆ ผลเลือกตั้งที่ออกมาชัดเจน 8 ล้านกว่าคะแนนจากพรรคพลังประชารัฐนั่นมาจากความนิยมของพลเอกประยุทธ์ 

แต่ในความรู้สึกของประชาชนที่แท้จริงแล้วนะครับ สิ่งที่รัฐบาลและพลเอกประยุทธ์จะต้องพิจารณาก็คือว่า ความรู้สึกที่ถูกตอกย้ำว่าเศรษฐกิจไม่ดีในช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา แม้ก่อนหน้านี้จะอดทนรอกันอยู่ได้ เพื่อต้องการให้ประเทศเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ปัญหาเศรษฐกิจก็ยังถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ของประชาชน แน่นอนครับประเด็นไม่ได้มาจากการมีหรือไม่มีฝีมือของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ครับ มีปัจจัยต่างๆเข้ามาห้อมล้อมมากมาย ความพยายามในการแก้ไขปัญหาของพลเอกประยุทธในการที่ไปปรับรากฐานก็ถือว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้อง แต่ความรู้สึกของประชาชนในการที่จะได้รับผลกระทบและการขยายความของฝ่ายค้านหรือฝ่ายที่ต่อต้านรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ที่เอาเรื่องนี้ไปขยายความไปตอกย้ำลงในความรู้สึกของประชาชนตลอดในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา

 ถามว่าเรื่องนี้ได้กลายเป็นประเด็นความรู้สึกของประชาชนหรือไม่ เป็นครับ ส่วนอีกเรื่องหนึ่งนี่นะครับที่จะต้องจับตาดูก็คือการทุจริตคอรัปชั่น ผลงานอันโดดเด่นของพลเอกประยุทธ์ตอนที่เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีใหม่ๆก็คือการปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น คงจะจำกันได้ในขณะนั้นนะครับท่านองคมนตรีไพบูลย์ซึ่งนั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้แสดงบทบาทในการปราบปรามทุจริต ดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม แต่หลังจากพลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายาได้รับโปรดเกล้าเป็นองคมนตรี ดูเหมือนว่าการปราบปรามทุจริตของพลเอกประยุทธ์ก็ลดลงและทำให้ภาพลักษณ์ในเรื่องของการปราบปรามทุจริตของพลเอกประยุทธ์ค่อยๆลดลงด้วย ก็เรื่องที่จะต้องกลับมามองกันนี่นะครับว่ารัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ เมื่อเป็นรัฐบาลผสม รัฐมนตรีถูกคัดมาเองจากพรรคการเมืองทุกพรรค รัฐบาลเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ แน่นอนครับก็จะถูกจับตามองว่าเสียงของรัฐบาลที่ปริ่มน้ำนั้นจะทำให้รัฐบาลเป็นรัฐบาลที่มีอายุสั้น 

 

พรรคการเมืองต้องการทุนในการเลือกตั้ง ดังนั้นนี่นะครับรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์และพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลต่างๆจะถูกจับตามองนะครับอย่างละเอียดถี่ถ้วนจากฝ่ายค้านที่เคลื่อนไหวอยู่นอกสภาในการที่จะจับตามองเรื่องนี้ จะมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนนะครับที่เรื่องการทุจริตคอรัปชั่นจะไม่เกิดขึ้นหรือไม่โผล่ออกมาให้เป็นที่จับได้ของประชาชน สื่อมวลชน อันนี้เป็นเรื่องที่เราจะต้องติดตามนะครับ นอกเหนือจากนั้นนะครับประเด็นสำคัญอีกประเด็นหนึ่งนะครับของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ที่จะมีอายุยืนยาวหรือไม่ นั่นคือความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐครับ 

 

ซึ่งดูเหมือนว่าก่อนจะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้ารายชื่อคณะรัฐมนตรีลงมานั้น ปัญหาในพรรคพลังประชารัฐนะครับ ซึ่งครุกรุ่นมาโดยตลอดเวลาด้วยกลุ่มสามมิตรซึ่งนำโดยสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจและสมศักดิ์ เทพสุทินนั้นนะครับ ค่อยๆจะสงบลง แต่มันเป็นไปได้หรือครับที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงได้ภายในวันเดียว ความสามัคคีเกิดขึ้นในพรรคพลังประชารัฐจริงหรือไม่ เป็นเรื่องที่เราจะต้องติดตามกันครับ เพราะเป็นประเด็นหนึ่งที่เกี่ยวข้องและเป็นเงื่อนไขที่จะทำให้รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์มีอายุยืนยาวหรือไม่ ก็ต้องกลับไปดูกรณีที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าฝ่ายค้านเตรียมที่จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ดร.สมคิด รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีอุตตม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีสนธิรักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน รัฐมนตรีสุวิทย์ ซึ่งมีส่วนในการรับผิดชอบเศรษฐกิจของรัฐบาลก่อนหน้านี้ ฝ่ายค้านคิดว่านี่มีความชอบธรรมเพราะคณะรัฐมนตรีชุดใหม่มีบุคคลเหล่านี้เข้ามาด้วย ชัดเจนว่า ดร.สมคิดเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจก็จะมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ นี่คือข่าวที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้ ฝ่ายค้านคาดหวังอะไรครับ ก็คาดหวังว่าจะเกิดการทิ่มแทงกันเองภายในพรรคพลังประชารัฐ 

และหากมีการโหวตสวนหรือทำอย่างหนึ่งอย่างใดที่ทำให้ทั้ง 4 ท่านหลุดออกจากความเป็นรัฐมนตรี แน่นอนครับฝ่ายค้านจะประสบความสำเร็จ ในขณะเดียวกัน การต่อสู้กันในพรรคพลังประชารัฐที่ครุกรุ่นอยู่ก็อาจจะทำให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้รับชัยชนะไป นอกจากนั้นประเด็นของพรรคพลังประชารัฐที่ยังมีก็คือการที่ได้ตั้งกฏิกากันไว้ว่าให้ผู้ที่ได้เป็นรัฐมนตรีจะต้องลาออกจาก สส. โดยเฉพาะรัฐมนตรีที่มาจากปาร์ตี้ลิสต์ เพื่อเลื่อนลำดับ สส.ปาร์ตี้ลิสต์คนอื่นขึ้นมา จะได้ไปทำงานในสภา กรณีนี้จะทำให้แกนนำของทั้งสองฝั่งสองฝ่ายหลุดออกจากการเป็น สส. โดยเฉพาะกลุ่มสามมิตรคือสมศักดิ์ เทพสุทิน และสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ สองแกนนำก็จะหลุดออกจากการเป็น สส. 

 

หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าถ้ามีการปรับคณะรัฐมนตรีแล้วทั้งสองคนหลุดออกจากคณะรัฐมนตรี ก็เรียกว่าเท้าลอย จะต้องไปรอคอยในการที่จะแสดงบทบาททางการเมืองกันใหม่อีกครั้ง ก็โน่นล่ะครับ การเลือกตั้งครั้งต่อไป ซึ่งประเด็นนี้ในด้านกลับนะครับหลายเสียงก็บอกว่าอาจจะทำให้สุริยะกับสมศักดิ์เงียบเสียงลง กลุ่มสามมิตรจะเพลาบทบาทลง จะทำให้รัฐบาลยืนยาวขึ้น ก็เป็นประเด็นที่จะต้องติดตามครับ ทั้งหมดทั้งมวลประมวลมาให้ท่านผู้ชมได้เห็นภาพรวมของรัฐบาล ข้อสรุปทั้งหมดก็เป็นไปตามคำพังเพยที่ว่า สนิมเกิดแต่เนื้อในตนนะครับ ถ้าไม่มีการทุจริตคอรัปชั่นนะครับ ปัญหาความขัดแย้งภายในของพรรคพลังประชารัฐได้รับการคลี่คลายนะครับ รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ก็น่าที่จะอยู่ยาวได้